เมื่อวันที่ 4 เมษายน พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผลการประชุมร่วม วันนี้ (4 เมษายน) ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนาและภาคีเครือข่ายได้ประชุมร่วมกันเพื่อสรุปผลงานที่ผ่านมาและกำหนดภารกิจในการพิทักษ์ปกป้องคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาต่อไป
ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติ ดังนี้
1.เรื่องอุกเขปนียกรรม ในเรื่องนี้คณะสงฆ์ทั่วประเทศ ท่านมีความรู้สึกนึกคิดตรงกันและกำลังดำเนินการตามหลักพระธรรมวินัยเพื่อตักเตือนพระภิกษุบางรูป ที่ประชุมเห็นว่า เรื่องนี้เป็นความบริสุทธิ์ใจของคณะสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล ศูนย์พิทักษ์ฯ สนพ. และภาคีเครือข่าย จึงไม่ควรเข้าไปประสานงานใดๆ เพราะเป็นเรื่องของคณะสงฆ์โดยเฉพาะ
2.เรื่องการแจ้งความดำเนินคดี กรณีพระภิกษุบางรูป ดูหมิ่นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชและใส่ความคณะสงฆ์อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยกนั้น ในเรื่องนี้เป็นภารกิจเดิมของสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) โดยมี ผศ.ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ภาคีเครือข่ายจึงเห็นควรมอบหมายภารกิจเดิมต่อไป
3.เรื่องการ ดีเบต ที่ปรากฎข่าวตามสื่อในขณะนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเห็นควรมอบหมายให้ ผศ.ดร. เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการ สนพ. เป็นผู้แทนไปดีเบตตามที่ได้มีการตกลงกันมาแล้วตั้งแต่ต้น
4. รับรองตามข้อเสนอเดิมให้พระเมธีธรรมาจารย์ กลับมาเป็นผู้นำในการทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์ปกป้องคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาต่อไป
5. ภารกิจงานที่จะทำต่อไปให้ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการตาม สนพ. เสนอในที่ประชุมและให้เก็บเป็นความลับ
ด้านนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ) เปิดเผยภายหลังหารือกับศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) และภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ 10 องค์กร ว่า วันนี้ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ 12 องค์กร ได้ประชุมหารือร่วมกันถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาทั้งหมด โดยมีหัวข้อการประชุมดังนี้
1.การประกาศลงอุกเขปนียกรรมพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่ประชุมมีมติให้คณะสงฆ์ที่ออกประกาศ และแถลงการณ์ ทำพิธีสวดอุกเขปนียกรรมตามพระธรรมวินัย และตามความสะดวกในแต่ละท้องถิ่น เมื่อทำพิธีแล้วให้ประกาศเป็นทางการอีกครั้ง
2.ความคืบหน้าการร่างคำกล่าวโทษดำเนินคดีกับพระพุทธะอิสระ ในข้อหากล่าวจาบจ้วงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และยุยงให้คณะสงฆ์แตกแยก ขณะนี้ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า พระสงฆ์ทั่วประเทศที่มีความประสงฆ์แจ้งดำเนินคดีกับพระพุทธะอิสระ สามารถดำเนินการได้เลย
3.การดีเบตระหว่าง สนพ และพระพุทธะอิสระใน 4 ประเด็น อาทิ การตั้งสมเด็จพระสังฆราช และการปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์ ขอให้พระพุทธะอิสระลดเงื่อนไขลง เรื่องให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพถ่ายทอดสด เปลี่ยนให้สื่อสารมวลชนเป็นเจ้าภาพแทน และขอยืนดีเบตใน 4 ประเด็นเช่นเดิม โดยเฉพาะเรื่องพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช เป็นเรื่องที่จะนำมาดีเบตมากที่สุด
4.การลงชื่อถอดถอน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีที่ออกมากล่าวจาบจ้วงผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยเรื่องนี้แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกมาย้ำว่าจะไม่มีการถอดถอนเพราะท่านเป็นผู้แต่งตั้ง แต่ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธจะยังไม่ยุติในการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ และ 5.การเคลื่อนไหวในเรื่องอื่นๆ จะประชุมในครั้งถัดไป
“ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธจะไม่หยุดเคลื่อนไหว จนกว่าฝ่ายที่ออกมากล่าวจาบจ้วงล่วงเกินผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจะยุติ รวมถึง รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องสถาปนาสมด็จพระสังฆราชตามขั้นตอนด้วย”นายเมธาพันธ์ กล่าว
ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติ ดังนี้
1.เรื่องอุกเขปนียกรรม ในเรื่องนี้คณะสงฆ์ทั่วประเทศ ท่านมีความรู้สึกนึกคิดตรงกันและกำลังดำเนินการตามหลักพระธรรมวินัยเพื่อตักเตือนพระภิกษุบางรูป ที่ประชุมเห็นว่า เรื่องนี้เป็นความบริสุทธิ์ใจของคณะสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล ศูนย์พิทักษ์ฯ สนพ. และภาคีเครือข่าย จึงไม่ควรเข้าไปประสานงานใดๆ เพราะเป็นเรื่องของคณะสงฆ์โดยเฉพาะ
2.เรื่องการแจ้งความดำเนินคดี กรณีพระภิกษุบางรูป ดูหมิ่นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชและใส่ความคณะสงฆ์อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยกนั้น ในเรื่องนี้เป็นภารกิจเดิมของสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) โดยมี ผศ.ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ภาคีเครือข่ายจึงเห็นควรมอบหมายภารกิจเดิมต่อไป
3.เรื่องการ ดีเบต ที่ปรากฎข่าวตามสื่อในขณะนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเห็นควรมอบหมายให้ ผศ.ดร. เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการ สนพ. เป็นผู้แทนไปดีเบตตามที่ได้มีการตกลงกันมาแล้วตั้งแต่ต้น
4. รับรองตามข้อเสนอเดิมให้พระเมธีธรรมาจารย์ กลับมาเป็นผู้นำในการทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์ปกป้องคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาต่อไป
5. ภารกิจงานที่จะทำต่อไปให้ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการตาม สนพ. เสนอในที่ประชุมและให้เก็บเป็นความลับ
ด้านนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ) เปิดเผยภายหลังหารือกับศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) และภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ 10 องค์กร ว่า วันนี้ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ 12 องค์กร ได้ประชุมหารือร่วมกันถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาทั้งหมด โดยมีหัวข้อการประชุมดังนี้
1.การประกาศลงอุกเขปนียกรรมพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่ประชุมมีมติให้คณะสงฆ์ที่ออกประกาศ และแถลงการณ์ ทำพิธีสวดอุกเขปนียกรรมตามพระธรรมวินัย และตามความสะดวกในแต่ละท้องถิ่น เมื่อทำพิธีแล้วให้ประกาศเป็นทางการอีกครั้ง
2.ความคืบหน้าการร่างคำกล่าวโทษดำเนินคดีกับพระพุทธะอิสระ ในข้อหากล่าวจาบจ้วงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และยุยงให้คณะสงฆ์แตกแยก ขณะนี้ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า พระสงฆ์ทั่วประเทศที่มีความประสงฆ์แจ้งดำเนินคดีกับพระพุทธะอิสระ สามารถดำเนินการได้เลย
3.การดีเบตระหว่าง สนพ และพระพุทธะอิสระใน 4 ประเด็น อาทิ การตั้งสมเด็จพระสังฆราช และการปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์ ขอให้พระพุทธะอิสระลดเงื่อนไขลง เรื่องให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพถ่ายทอดสด เปลี่ยนให้สื่อสารมวลชนเป็นเจ้าภาพแทน และขอยืนดีเบตใน 4 ประเด็นเช่นเดิม โดยเฉพาะเรื่องพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช เป็นเรื่องที่จะนำมาดีเบตมากที่สุด
4.การลงชื่อถอดถอน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีที่ออกมากล่าวจาบจ้วงผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยเรื่องนี้แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกมาย้ำว่าจะไม่มีการถอดถอนเพราะท่านเป็นผู้แต่งตั้ง แต่ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธจะยังไม่ยุติในการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ และ 5.การเคลื่อนไหวในเรื่องอื่นๆ จะประชุมในครั้งถัดไป
“ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธจะไม่หยุดเคลื่อนไหว จนกว่าฝ่ายที่ออกมากล่าวจาบจ้วงล่วงเกินผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจะยุติ รวมถึง รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องสถาปนาสมด็จพระสังฆราชตามขั้นตอนด้วย”นายเมธาพันธ์ กล่าว