xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ล็อกพระเมธี!งัดพรบ.ชุมนุมขู่เชือดล้มปลุกระดมปมสังฆราช

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม รายงานข่าวจากศูนย์ประชุมวัดศรีสุดาราม บางขุนนนท์ กรุงเทพฯ ซึ่งภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธนัดแถลงท่าทีกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงผลวินิจฉัยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และมหาเถรสมาคม (มส.) ทำผิดขั้นตอนการเสนอนามสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พร้อมทั้งจะมีการระดมพลล่ารายชื่อ 20,000 ชื่อ เพื่อให้มีการถอดถอนผู้ตรวจการแผ่นดิน

สำหรับบรรยากาศที่บริเวณทางเข้าและภายในวัดศรีสุดารามตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกว่า 10 นาย คอยยืนตรวจตรา โดยไม่อนุญาตให้นำรถเข้ามายังอาคารที่ประชุม ซึ่งเป็นอาคารเรียนของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)

ต่อมาเวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางขุนนนท์ และกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 20 นาย ได้นิมนต์พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ.) พระเทพประสิทธิมนต์ เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม และเชิญนายเสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ) ซึ่งเป็นแกนนำของภาคีเครือข่ายฯ เข้าหารือในห้องประชุมกว่า 30 นาที จากนั้น พระเมธีธรรมาจารย์ ออกมาเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายฯ เคารพกฎมาตลอด ทั้งกฎหมายบ้านเมือง, พระธรรมวินัย และจารีตประเพณี อาตมาขอกล่าวเพียงเท่านี้ และมอบให้พระครูปลัดกวีวัฒน์ รองเลขาธิการ ศพศ. เป็นผู้แถลงแทน

ด้าน พระครูปลัดกวีวัฒน์ ได้แถลงสรุปสั้นๆ 2 ประเด็น คือ 1.คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีต่อมติ มส.วันที่ 5 มกราคม เรื่องการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีจดหมายเปิดผนึกแนบมาและจะแจกหลังเสร็จสิ้นการแถลง และ 2.ตัวอย่างผลวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีต่อสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 22 มกราคม 59 เนื่องด้วยมีการฟ้องร้องพระสงฆ์ใน จ.พิจิตร ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า พระสงฆ์ตามข้อกฎหมายใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่สามารถวินิจฉัยได้ และตีกลับคำร้องยังผู้ร้อง ฉะนั้นจึงอยากแจ้งให้ทราบ ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีสิทธิวินิจฉัยมติ มส. และไม่มีอำนาจดำเนินการใดๆ และถ้าเห็นว่าการดำเนินการของ มส.และ พศ.ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ไม่ถูกต้อง ก็ขอให้ส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ

ต่อมาเวลา 10.50 น.พระเมธีธรรมาจารย์ พร้อมคณะได้เดินออกจากห้องแถลงข่าว โดยมีตำรวจกว่า 10 นายเดินประกบข้าง จากนั้น เวลา 11.00 น.เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม ได้นิมนต์พระเมธีธรรมาจารย์ ฉันภัตตาหารเพล พร้อมเชิญตำรวจและสื่อมวลชนทานข้าวที่วัด กระทั่งเวลา 12.30 น. พระเมธีธรรมาจารย์ จึงได้เดินทางออกจากวัดศรีสุดาราม เพื่อกลับไปยังวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่แกนนำภาคีเครือข่ายฯ ถูกเชิญเข้าห้องประชุมนั้น ตำรวจได้ขอให้ยุติการแถลงข่าว เพราะอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.การชุมนุม เนื่องจากมีมวลชนนั่งแถลงข่าวมากกว่า 2 คน โดยตำรวจได้แนะให้แกนนำกล่าวต่อสื่อมวลชนให้สั้นที่สุด แล้วแจกแถลงการณ์แทนการกล่าวแถลง รวมทั้งนิมนต์ให้พระเมธีกลับวัด ก่อนจะปล่อยให้แกนนำออกไปยังห้องแถลง

สำหรับจดหมายเปิดผนึกที่ ศพศ แจกจ่ายให้สื่อมวลชนนั้น ได้ระบุถึงคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน 6 ข้อ ดังนี้ 1.ผู้ตรวจการฯไม่มีอำนาจพิจารณามติมส. 2.ผู้ตรวจการฯจงใจตีความบทบัญญัติ มาตรา 7 แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ เข้าข้างตนเองเพื่อให้ตนเองมีอำนาจในการวินิจฉัยและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ร้องที่ไม่ใช่ผู้เสียหาย 3.ผู้ตรวจการฯจงใจตีความหมายผิดไปจากราชประเพณีของการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช 4.การวินิจฉัยมติ มส. ของผู้ตรวจการฯไม่ใช่กระทบเฉพาะศาสนจักรเท่านั้น แต่กระทบไปถึงบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 5.ถ้าเทียบเคียงกับการแต่งตั้งผู้นำศาสนาอื่นๆ ในไทย ขั้นตอนและกระบวนการเหมือนศาสนาพุทธทุกประการ และ 6.การดำเนินการสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ก็ดำเนินการทุกอย่างตามที่ มส.ได้ดำเนินอยู่ในขณะนี้ โดยมีหลักฐานจดหมายเหตุการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พ.ศ.2532 และราชกิจจานุเบกษา เล่ม106 ตอนที่ 59 ที่ 6/2532

จดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ระบุต่อไปว่า ทาง ศพศ และสนพ เห็นว่าผู้ตรวจการฯ มีเจตนาวินิจฉัยตีความกฎหมายผิด ขัดต่อจารีต ราชประเพณีและขัดต่อจริยธรรมขององค์กรอิสระอย่างร้ายแรง ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์และสังคมไทยอย่างรุนแรง ดังนั้น จึงมีมติดำเนินการรวมรวมรายชื่อ พระสงฆ์และคฤหัสถ์ จำนวน 20,000 รายชื่อ เพื่อยื่นต่อภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้ถอดถอนผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น