พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวถึงการดำเนินคดีกลุ่มพระสงฆ์ที่ออกมาเคลื่อนไหวในพุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 เร่งรัดการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้้ยังไม่มีการออกหมายเรียกพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) หรือเจ้าคุณประสาร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยมาสอบสวน ตามที่เป็นข่าว เพราะอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าทางคดีเป็นข้อมูลว่า กลุ่มพระสงฆ์ที่ออกมารวมตัวกันในวันนั้น มีใครเป็นแกนนำ เดินทางมาอย่างไร ใช้ยานพาหนะชนิดไหน คือ เป็นการสำรวจที่มาที่ไปที่ไปเท่านั้น ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด การรวบรวมพยานหลักฐานต้องใช้เวลาไม่ใช่ด้วนสรุปภายใน 2-3 วัน
ส่วนกระแสที่พระเมธีธรรมาจารย์ ออกมาระบุว่า ถ้ามีหมายเรียกเมื่อไหร่ วันไหน พระสงฆ์จำนวนมากจะไปแสดงตนให้ล้นโรงพักพุทธมณฑลในฐานะผู้ต้องหาร่วมคดีเจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งในเรื่องนี้ผมเห็นว่า พระสงฆ์สามารถมาที่โรงพักได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย หากมีพระสงฆ์ออกมาแสดงตนและขอเป็นผู้ร่วมข้อหา ซึ่งในข้อกฎหมายทางตำรวจจะดำเนินการเอาผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มีอยู่ ทั้งนี้หากมีการควบคุมตัวกลุ่มพระสงฆ์แล้วมีการปล่อยตัวไป หากเขาไม่กลับไป และยังมีการชุมนุมอยู่ ทางตำรวจก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอีกเช่นกัน และกรณีที่พระเมธีธรรมมาจารย์ ออกมาให้ข่าวว่าจะถูกดำเนินคดี 4 ข้อหาคือ ละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาท แก่กลุ่มพระสงฆ์ที่ออกมาเคลื่อนไหวว่า แม้ว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ตาม ก็ไม่สามารถยับยั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มพระสงฆ์ได้ ขอย้ำว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย หากมีการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นเมื่อไหร่จะออกหมายเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาในทันที
ส่วนกระแสที่พระเมธีธรรมาจารย์ ออกมาระบุว่า ถ้ามีหมายเรียกเมื่อไหร่ วันไหน พระสงฆ์จำนวนมากจะไปแสดงตนให้ล้นโรงพักพุทธมณฑลในฐานะผู้ต้องหาร่วมคดีเจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งในเรื่องนี้ผมเห็นว่า พระสงฆ์สามารถมาที่โรงพักได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย หากมีพระสงฆ์ออกมาแสดงตนและขอเป็นผู้ร่วมข้อหา ซึ่งในข้อกฎหมายทางตำรวจจะดำเนินการเอาผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มีอยู่ ทั้งนี้หากมีการควบคุมตัวกลุ่มพระสงฆ์แล้วมีการปล่อยตัวไป หากเขาไม่กลับไป และยังมีการชุมนุมอยู่ ทางตำรวจก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอีกเช่นกัน และกรณีที่พระเมธีธรรมมาจารย์ ออกมาให้ข่าวว่าจะถูกดำเนินคดี 4 ข้อหาคือ ละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาท แก่กลุ่มพระสงฆ์ที่ออกมาเคลื่อนไหวว่า แม้ว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ตาม ก็ไม่สามารถยับยั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มพระสงฆ์ได้ ขอย้ำว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย หากมีการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นเมื่อไหร่จะออกหมายเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาในทันที
