พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล รับหนังสือร้องเรียนจาก น.ส.สาลินี ทะสา พร้อมด้วย นายชาญชัย ดงไม้สถิต สองสามีภรรยาชาว จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากกรณี พ.อ.ยงยุทธ เหล่าเขตร์การ นายทหารกองพลทหารม้าที่ 1 กองทัพภาคที่ 3 และ น.ส.น้ำฝน งดงาม สองสามีภรรยาและพวก ได้ร่วมกันหลอกลวงฉ้อโกง ให้ร่วมลงทุนธุรกิจร้านมือถือ โดยมีผู้เสียหายกว่า 20 ราย มีทั้งญาติและประชาชนรายอื่นๆ ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี และ จ.ระยอง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 72 ล้านบาท
ด้าน น.ส.สาลินี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557 พ.อ.ยงยุทธ์ และ น.ส.น้ำฝน ได้มาติดต่อพูดจาโน้มน้าว ให้ตนร่วมลงทุนเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือที่ จ.ขอนแก่น โดยอ้างว่ามีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีเงินลงทุน จึงมีการเชิญชวนให้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งระยะแรกมีผลตอบแทนดี จนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2558 เป็นต้นไป ก็ไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้อีกเลย จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก โดยตนสูญเงินไปกว่า 1,300,000 บาท จึงตัดสินใจแจ้งเรื่องมายัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในฐานะที่รับผิดชอบในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคอีสาน โดยนำหลักฐานการโอนเงิน และหลักฐานอื่นๆ มามอบให้ด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ได้มอบหมายให้กองบังคับปราบปราม (บก.ป.) ลงพื้นที่ไปดำเนินการร่วมกับ บช.ภ.4 ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะใช้มาตรการทางด้านกฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิด ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา
อย่างไรก็ตาม คดีนี้คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตำรวจจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ว่ากันไปตามกฎหมาย โดยจะประสานข้อมูลกับทางกองทัพ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นทหาร เป็นลักษณะของการประสานข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้หากประชาชนถูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คุกคาม และไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถมาร้องเรียนมายังตนเองได้ทันที
ด้าน น.ส.สาลินี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557 พ.อ.ยงยุทธ์ และ น.ส.น้ำฝน ได้มาติดต่อพูดจาโน้มน้าว ให้ตนร่วมลงทุนเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือที่ จ.ขอนแก่น โดยอ้างว่ามีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีเงินลงทุน จึงมีการเชิญชวนให้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งระยะแรกมีผลตอบแทนดี จนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2558 เป็นต้นไป ก็ไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้อีกเลย จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก โดยตนสูญเงินไปกว่า 1,300,000 บาท จึงตัดสินใจแจ้งเรื่องมายัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในฐานะที่รับผิดชอบในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคอีสาน โดยนำหลักฐานการโอนเงิน และหลักฐานอื่นๆ มามอบให้ด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ได้มอบหมายให้กองบังคับปราบปราม (บก.ป.) ลงพื้นที่ไปดำเนินการร่วมกับ บช.ภ.4 ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะใช้มาตรการทางด้านกฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิด ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา
อย่างไรก็ตาม คดีนี้คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตำรวจจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ว่ากันไปตามกฎหมาย โดยจะประสานข้อมูลกับทางกองทัพ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นทหาร เป็นลักษณะของการประสานข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้หากประชาชนถูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คุกคาม และไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถมาร้องเรียนมายังตนเองได้ทันที