ผ่าประเด็นร้อน
“สำหรับมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุมาจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลาย ไปจับกุมขบวนการ หรือเครือข่ายการค้ามนุษย์ ทำให้เกิดการโกรธแค้นที่ธุรกิจเขาถูกทำลาย อีกสาเหตุหนึ่งมีความเชื่อมโยงของตัวบุคคลเกี่ยวกับการเมือง คือ นายอ๊อด ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2553 และเหตุระเบิดภายในซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี เมื่อปี 2557 เราจึงตัดประเด็นไม่ได้ ว่า เรื่องนี้น่าจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะพยานหลักฐานเป็นเช่นนั้น”
“อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าตัวละครมันเชื่อมโยงได้ คือ ตัว นายอ๊อด เป็นคนเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น และเหตุระบิดที่ย่านมีนบุรี เพราะฉะนั้นก็ต้องคิดกันต่อว่าเหตุการณ์ที่สมานเมตตา และมีนบุรี มีตัวละครเชื่อมโยง หรือน่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ตรงนี้ยืนยันเราไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีใคร เราว่ากันไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง อย่างที่ผมเคยพูดโดยตลอดว่ามีบุคคลหลายคน หลายกลุ่มที่มีวัตถุประสงค์ หรือ ความต้องการ หรือ มีจุดประสงค์เดียวกันได้ร่วมกันทำผิด เพื่อให้ทุกฝ่ายสมประสงค์ อย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล 2 กลุ่ม มีเจตนาต้องกัน สมประโยชน์ด้วยกัน มีจุดประสงค์เดียวกัน กลุ่มหนึ่งอาจจะคนอีกกลุ่มหนึ่งก่อเหตุขึ้น แต่สุดท้ายแล้วได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน” ผบ.ตร. กล่าว และว่า ในเรื่องของคดีหลังจากนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน ผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้ก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีตำรวจก็ต้องติดตามตัว รวมทั้งขยายผลถึงตัวผู้บงการ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าพยานหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่เพียงพอที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาได้
คำพูดดังกล่าวของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อวันก่อน ขณะร่วมกับนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เช่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่ศาลพระพรหมแยกราชประสงค์ และสะพานสาทร เมื่อวันที่ 17 และ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นการชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงเหตุการณ์สองสามเหตุการณ์ คือ เหตุการณ์ระเบิดที่ “สมานเมตตาแมนชั่น” ย่านบางบัวทอง นนทบุรี เมื่อปี 2553 และเหตุการณ์ระเบิดที่มีนบุรีเมื่อปี 2557 และเชื่อมโยงจากตัวบุคคล เนื่องจากคนที่เกี่ยวข้องจากสองสามเหตุการณ์ดังกล่าว คือ “นายอ๊อด พยุงวงศ์” หรือ ยงยุทธ พบแก้ว โดยเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีที่แยกราชประสงค์และสะพานสาทรด้วย
ตามการแถลงของตำรวจ ชี้ว่า นายอ๊อด คนนี้ที่ถูกออกหมายจับเป็นหมายจับที่ 10 จากจำนวนทั้งหมดในเวลานี้ 17 หมายจับได้พบปะกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ไมมูณา อพาร์ทเมนท์ ที่มีการเช่าเอาไว้ก่อนลงมือลอบวางระเบิด
จากการแถลงของ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ยังให้ข้อมูลว่า รายละเอียดเกี่ยวกับคนร้ายจากการตรวจสอบในรายชื่อผู้ต้องหามีคนไทย 2 คน คือ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ และ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ์ พบแก้ว จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังของทั้ง 2 คน พบข้อมูลว่านายอ๊อดมีประวัติการต้องโทษ คดีอาญา หลายคดี ในปี พ.ศ. 2553 เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โทษจำคุก 1 ปี ศาลรอลงอาญา ทั้งนี้ ยังพบว่า นายอ๊อด ถูกออกหมายจับในคดีระเบิดปี พ.ศ. 2557 ที่มีนบุรี และจากการตรวจสอบประวัติของกลุ่มคนร้ายดังกล่าวมีความเชื่อมโยงไปยังคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ท้องที่บางบัวทอง ในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะต้องมีการขยายผลต่อไป”
จากข้อมูลทางคดีและการแถลงของตำรวจที่เกี่ยวข้องทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ และสะพานสาทร มีความเชื่อมโยงกับการเมืองในประเทศอย่างชัดเจนขึ้น เมื่อพิจารณาจากตัวบุคคลที่เป็นผู้ตัองหา อย่าง “นายอ๊อด” ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่า “เป็นกุญแจสำคัญ” ที่จะสาวไปถึง “ผู้บงการ” ได้
อย่างไรก็ดี เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาเหตุการณ์ระเบิดตั้งแต่ปี 53 ปี 57 เรื่อยมาจนถึงเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ เมื่อพิจารณาจากบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเชื่อมโยงกัน และมีเป้าหมายที่ “สมประโยชน์” ร่วมกัน โดยสองเหตุการณ์แรกตัวบุคคล คือ “นายอ๊อด” เข้ามาเกี่ยวข้องก็เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มการเมืองสาย “ฮาร์ดคอร์” ของกลุ่มเสื้อแดง ดังนั้น หาก นายอ๊อด ที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีหลัง ทุกอย่างมันก็ชัดเจนตรงกับข้อสันนิษฐานเบื้องต้นในช่วงที่เกิดเหตุ เพียงแต่ว่าในตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลอ้างอิงได้เท่านั้น
ดังนั้น เมื่อมีการแถลงออกมาจากปากของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยเฉพาะจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกมาให้เห็น แม้ว่าไม่ได้ระบุว่าเป็นการเมืองกลุ่มไหน แต่สำหรับคนที่ติดตามการเมืองมาตลอดก็ย่อมมองออกว่า “นายอ๊อด” เชื่อมโยงกับกลุ่มไหน อยู่ฝ่ายเสื้อแดง หรือฝ่ายเสื้อเหลือง หรือ กปปส. และยังรู้ว่าฝ่ายเสื้อแดงสนับสนุนใคร และ “ใคร” อยู่เบื้องหลังมาตลอด
เมื่อข้อบงชี้ออกมาแบบนี้ มันก็ทำให้สนับสนุนความเชื่อที่ว่าเหตุการณ์วางระเบิดที่แยกราชประสงค์ มี “ผู้บงการเป็นคนไทย” โดยจ้างวาน หรืออำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องหากลุ่มนี้ลงมือ โดย “สมประโยชน์” ด้วยกัน นั่นคือ ฝ่ายผู้บงการคนไทยมีเจตนาทำลายรัฐบาลชุดปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหามีความไม่พอใจจากกรณีส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์ ทุกอย่างมันจึงเข้าเค้าและเป็นไปได้สูง !!