ชุมพร - ตำรวจชุมพรใช้ยุทธการ “ทิ้งทุ่น ล่อเหยื่อ” ดักจับเฒ่าวัย 72 ปี แก๊งตระเวนลักทรัพย์ผู้ป่วย ญาติเฝ้าไข้ในโรงพยาบาล หลังทำมาหลายครั้งย่ามใจย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
ตำรวจชุด “ปะฉะดะ” สภ.เมืองชุมพร เปิดยุทธการ “ทิ้งทุ่น ล่อเหยื่อ” ซุ่มดักจับแก๊งตระเวนฉกทรัพย์ผู้ป่วย และญาติเฝ้าไข้ในโรงพยาบาลขณะย้อนกลับมาก่อเหตุอีก เปิดเผยขึ้นภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้สั่งการให้ตำรวจชุด “ปะฉะดะ” นำโดย พ.ต.ท.วัชระ เผือกจันทร์ สวป.สภ.เมืองชุมพร ร.ต.อ.ชนะภัย บุนนาค รอง สวป. ด.ต.กิตติศักดิ์ กุยุคำ ผบ.หมู่ พร้อมกำลัง อส.ตร. รวม 9 นาย ใช้ยุทธการ “ทิ้งทุ่น ล่อเหยื่อ” ตามจุดต่างๆภายในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก หลังมีคนร้ายแก๊งลักทรัพย์เข้าไปก่อเหตุในช่วงกลางดึกขณะผู้เสียหายนอนหลับสนิทขโมยทรัพย์สินของมีค่าจากญาติ และผู้ป่วยในโรงพยาบาลดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาแม้กล้องวงจรปิดจะจับภาพคนร้ายไว้ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
จากยุทธการทิ้งทุ่นดังกล่าว กระทั่งเวลา 03.00 น. วันนี้ (16 ต.ค.) ขณะที่ตำรวจชุด ปะฉะดะซุ่มดักรออยู่ตามจุดต่างๆ ภายในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ได้พบชายสูงวัยนุ่งกางเกงสแล็กสีเทา ใส่เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีนำเงินเข้ม สวมรองเท้าคัตชูสีดำ แต่งตัวภูมิฐานดูดี เดินเข้ามาภายในโรงพยาบาลตระเวนไปตามอาคารต่างๆ มีท่าทีมีพิรุธ และเป็นบุคคลต้องสงสัยตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพไว้ขณะเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจสอบ จากการตรวจค้นในตัวพบปืนขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนในแมกกาซีน 6 นัด สภาพขึ้นลำปืนพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวและยึดปืนไว้ ทราบชื่อคือ นายยงยุทธ์ ศิริสาคร อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 13 ตำบลคลอใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
สอบสวน นายยงยุทธ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองไม่มีอาชีพ และที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ได้ลักทรัพย์ในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์มาแล้วหลายครั้ง ได้เงินสด โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินอื่นๆ จำนวนมาก โดยจะออกก่อเหตุช่วงกลางดึกเวลาประมาณตี 2-3 เนื่องจากญาติผู้ป่วย และผู้ป่วยกำลังหลับสนิท เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปเที่ยวเตร่ และเล่นพนันมวยตู้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ต.ค.58 ที่ผ่านมา ได้เข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้ขโมยกระเป๋าสะพายของญาติผู้ป่วย ภายในมีทรัพย์สินเงินสดจำนวนหนึ่ง พร้อมปืนพกสั้น 1 กระบอก ที่ได้พกติดตัวมาด้วยขณะถูกจับกุม
ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นปืนของ นายเทิดศักดิ์ ขนอม อายุ 46 ปี นายก อบต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ถูกขโมยไปขณะมานอนเฝ้าไข้บิดา บนชั้น 2 หน้าห้องไอซียู ซึ่งนายเทิดศักดิ์ ได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองชุมพร หลังจากนั้นผ่านไป 3 วัน เมื่อเรื่องเงียบนายยงยุทธ์ ได้ย้อนกลับมาในโรงพยาบาลเพื่อจะลักทรัพย์สินอีกจนมาถูกตำรวจซุ่มจับกุมได้ดังกล่าว
จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนทราบว่า นายยงยุทธ์ เป็นบุคคลไม่มีอาชีพ และหลักแหล่งที่อยู่อาศัย มักจะตระเวนลักทรัพย์ตามโรงพยาบาลในพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และอีกหลายจังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประสานไปยังสถานีตำรวจตามจังหวัดต่างๆ ให้ตรวจสอบประวัติ ข้อมูลว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่มีผู้เสียหายถูกลักทรัพย์ในลักษณะดังกล่าว เพื่อจะได้อายัดตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.วัชระ เผือกจันทร์ สวป.สภ.เมืองชุมพร กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังประชาชนทุกคนที่เข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลทุกแห่ง ไม่ควรนำทรัพย์สินติดมามาเป็นจำนวนมากๆ หรือหากมีความจำเป็นจริงๆ ก็ควรเก็บติดตัวไว้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันมีคนร้ายตระเวนลักทรัพย์สินตามโรงพยาบาลบ่อยครั้ง โดยจะฉวยโอกาสช่วงกลางดึกขณะที่ผู้ป่วยญาติที่มาเฝ้าไข้หลับสนิท ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก จึงต้องระมัดระวังกันด้วย
ตำรวจชุด “ปะฉะดะ” สภ.เมืองชุมพร เปิดยุทธการ “ทิ้งทุ่น ล่อเหยื่อ” ซุ่มดักจับแก๊งตระเวนฉกทรัพย์ผู้ป่วย และญาติเฝ้าไข้ในโรงพยาบาลขณะย้อนกลับมาก่อเหตุอีก เปิดเผยขึ้นภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้สั่งการให้ตำรวจชุด “ปะฉะดะ” นำโดย พ.ต.ท.วัชระ เผือกจันทร์ สวป.สภ.เมืองชุมพร ร.ต.อ.ชนะภัย บุนนาค รอง สวป. ด.ต.กิตติศักดิ์ กุยุคำ ผบ.หมู่ พร้อมกำลัง อส.ตร. รวม 9 นาย ใช้ยุทธการ “ทิ้งทุ่น ล่อเหยื่อ” ตามจุดต่างๆภายในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก หลังมีคนร้ายแก๊งลักทรัพย์เข้าไปก่อเหตุในช่วงกลางดึกขณะผู้เสียหายนอนหลับสนิทขโมยทรัพย์สินของมีค่าจากญาติ และผู้ป่วยในโรงพยาบาลดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาแม้กล้องวงจรปิดจะจับภาพคนร้ายไว้ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
จากยุทธการทิ้งทุ่นดังกล่าว กระทั่งเวลา 03.00 น. วันนี้ (16 ต.ค.) ขณะที่ตำรวจชุด ปะฉะดะซุ่มดักรออยู่ตามจุดต่างๆ ภายในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ได้พบชายสูงวัยนุ่งกางเกงสแล็กสีเทา ใส่เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีนำเงินเข้ม สวมรองเท้าคัตชูสีดำ แต่งตัวภูมิฐานดูดี เดินเข้ามาภายในโรงพยาบาลตระเวนไปตามอาคารต่างๆ มีท่าทีมีพิรุธ และเป็นบุคคลต้องสงสัยตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพไว้ขณะเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจสอบ จากการตรวจค้นในตัวพบปืนขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนในแมกกาซีน 6 นัด สภาพขึ้นลำปืนพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวและยึดปืนไว้ ทราบชื่อคือ นายยงยุทธ์ ศิริสาคร อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 13 ตำบลคลอใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
สอบสวน นายยงยุทธ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองไม่มีอาชีพ และที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ได้ลักทรัพย์ในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์มาแล้วหลายครั้ง ได้เงินสด โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินอื่นๆ จำนวนมาก โดยจะออกก่อเหตุช่วงกลางดึกเวลาประมาณตี 2-3 เนื่องจากญาติผู้ป่วย และผู้ป่วยกำลังหลับสนิท เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปเที่ยวเตร่ และเล่นพนันมวยตู้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ต.ค.58 ที่ผ่านมา ได้เข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้ขโมยกระเป๋าสะพายของญาติผู้ป่วย ภายในมีทรัพย์สินเงินสดจำนวนหนึ่ง พร้อมปืนพกสั้น 1 กระบอก ที่ได้พกติดตัวมาด้วยขณะถูกจับกุม
ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นปืนของ นายเทิดศักดิ์ ขนอม อายุ 46 ปี นายก อบต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ถูกขโมยไปขณะมานอนเฝ้าไข้บิดา บนชั้น 2 หน้าห้องไอซียู ซึ่งนายเทิดศักดิ์ ได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองชุมพร หลังจากนั้นผ่านไป 3 วัน เมื่อเรื่องเงียบนายยงยุทธ์ ได้ย้อนกลับมาในโรงพยาบาลเพื่อจะลักทรัพย์สินอีกจนมาถูกตำรวจซุ่มจับกุมได้ดังกล่าว
จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนทราบว่า นายยงยุทธ์ เป็นบุคคลไม่มีอาชีพ และหลักแหล่งที่อยู่อาศัย มักจะตระเวนลักทรัพย์ตามโรงพยาบาลในพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และอีกหลายจังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประสานไปยังสถานีตำรวจตามจังหวัดต่างๆ ให้ตรวจสอบประวัติ ข้อมูลว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่มีผู้เสียหายถูกลักทรัพย์ในลักษณะดังกล่าว เพื่อจะได้อายัดตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.วัชระ เผือกจันทร์ สวป.สภ.เมืองชุมพร กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังประชาชนทุกคนที่เข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลทุกแห่ง ไม่ควรนำทรัพย์สินติดมามาเป็นจำนวนมากๆ หรือหากมีความจำเป็นจริงๆ ก็ควรเก็บติดตัวไว้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันมีคนร้ายตระเวนลักทรัพย์สินตามโรงพยาบาลบ่อยครั้ง โดยจะฉวยโอกาสช่วงกลางดึกขณะที่ผู้ป่วยญาติที่มาเฝ้าไข้หลับสนิท ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก จึงต้องระมัดระวังกันด้วย