xs
xsm
sm
md
lg

ศธ.จ่อฟื้นโครงการ “นักจิตวิทยา ร.ร.” หลังนำร่อง 2 ปี ช่วยแก้ปัญหาเด็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมสุขภาพจิต เผย ศธ. จ่อฟื้นโครงการนักจิตวิทยาโรงเรียน หลังนำร่อง 2 ปี พบได้ผลดี ช่วยแก้ปัญหาเด็ก ระบุ ประเทศไทยไม่เคยมี มีแต่ครูแนะแนวดูแลได้ไม่ครอบคลุม

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เคยร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต ทำโครงการสร้างนักจิตวิทยาในโรงเรียน โดยนำร่อง 20 โรงเรียน เมื่อปี 2556 - 2557 พบว่าได้ผลดี เมื่อเด็กมีปัญหาก็มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้ความช่วยเหลือได้ ศธ. จึงมีแนวโน้มในการรื้อฟื้นโครงการดังกล่าวขึ้นมาใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เบื้องต้น ศธ. ต้องทำเรื่องการเพิ่มอัตรากำลังคนก่อน ส่วนงานทางด้านวิชาการนั้น กรมสุขภาพจิตมีความพร้อมในการฝึกอบรมนักจิตวิทยาอยู่แล้ว หากทำ 2 เรื่องนี้ควบคู่กันก็น่าจะเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น ส่วนจะทันปีการศึกษานี้หรือไม่ก็ต้องมาช่วยกัน

“ที่ผ่านมา จะมีครูแนะแนวที่ทำหน้าที่เสมือนนักจิตวิทยา แต่ปัญหาคือ ครูแนะแนวต้องทำการสอน และทำเรื่องการแนวแนวด้านอื่น ๆ อีกมาก แต่การให้คำปรึกษาแก้ปัญหาของเด็กนักเรียนนั้นจำเป็นต้องมีเวลา ทำงานต่อเนื่อง และต้องทันกับความต้องการของปัญหา นักจิตวิทยาต้องมีชั่วโมงในการดูแลเด็กอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับการสอนหนังสือ และดูไปถึงผู้ปกครองได้ ถ้าจะต้องส่งพบจิตแพทย์ก็สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีนักจิตวิทยาในโรงเรียนมาก่อน ที่ผ่านมาจะใช้นักจิตวิทยาคลินิก และนักจิตวิทยาให้คำปรึกษามาอบรม การดำเนินการโครงการนี้ ขั้นแรกอาจเริ่มให้มีนักจิตวิทยา 1 คน ในโรงเรียนขนาดใหญ่ ที่มีนักเรียนประมาณ 1,000 คนขึ้นไป ส่วนโรงเรียนเล็ก ๆ อาจจะต้องมีนักจิตวิทยากลางที่ดูแลหลายโรง และถ้าจากนี้ดำเนินการอย่างจริงจังอาจจะต้องมีการทำระบบใบอนุญาต (ไลเซนส์) เพราะคนทำงานทางด้านนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะมีปัญหากับผู้ปกครองได้เช่นกัน” นพ.ยงยุทธ์ กล่าว

นพ.ยงยุทธ์ กล่าวว่า จากการทำโครงการนำร่อง 20 โรงเรียน เราพบว่าเด็กมีปัญหาอยู่ 2 กลุ่ม คือ 1. ปัญหาทางด้านอารมณ์ จิตใจ วิตกกังวล เก็บตัว กลัวการไปโรงเรียน 2. ก้าวร้าวรุนแรง สมาธิสั้น ปัญหาความประพฤติ ถือเป็น 2 กลุ่มใหญ่ที่โรงเรียนต้องจัดการให้ได้ ตรงนี้นักจิตวิทยาจะต้องช่วยบำบัดได้เยอะ เพราะการบำบัดที่ดีที่สุดคือการบำบัดในโรงเรียน หากมีระบบที่ดีในโรงเรียนก็จะสามารถจัดการแก้ไขปัญหาได้เร็ว ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงก็อาจจะต้องส่งต่อให้จิตแพทย์ตรวจวินิจฉัยและให้ยาร่วมด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนที่โรงเรียนดูแลต่อนั่นก็คือตัวนักจิตทยา

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น