นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เตรียมผลักดันแนวคิดอาหารปลอดภัย กลุ่มผู้บริโภคที่เน้นสุขภาพ และแพ้สารกลูเต็น (Gluten) ในข้าวสาลี โดยให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หาช่องทางเจรจากับผู้ผลิต เปลี่ยนมาใช้แป้งข้าวเจ้าของไทยเป็นวัตถุดิบทำผลิตภัณฑ์ทดแทนแป้งข้าวสาลี โดยเฉพาะจีน เพื่อช่วยระบายข้าวในสตอกรัฐบาล
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พบว่า คนเอเชียเริ่มมีแนวโน้มแพ้สารกลูเต็นจากข้าวสาลี ในผลิตภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้น ดังนั้น โอกาสที่ผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยที่ไม่มีสารกลูเต็น จะไปทดแทนผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลีจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในจีนที่ใช้ข้าวสาลี และมันสำปะหลัง เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งในอนาคตคาดว่าปริมาณความต้องการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากสามารถเจรจาผลักดันให้ใช้แป้งข้าวเจ้าของไทย ซึ่งไม่มีสารกลูเต็นเหมือนข้าวสาลี จะทำให้ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ที่แพ้สารกลูเต็นมากถึง 4 ใน 62 คนของประชากรจีน หันมาบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ทำจากข้าวไทยแน่นอน
จากข้อมูลสถิติของอุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พบว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปริมาณความต้องการของตลาดจีนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยปี 2556 มีความต้องการ 46,220 ล้านห่อ มากเป็นอันดับ 1 ของโลก รองลงมา อินโดนีเซีย 14,000 ล้านห่อ ส่วนปี 2557 จีนต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูงถึง 48,615 ล้านห่อ ขยายตัวเพิ่มร้อยละ 5.18 แสดงให้เห็นว่า จีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และนิยมบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พบว่า คนเอเชียเริ่มมีแนวโน้มแพ้สารกลูเต็นจากข้าวสาลี ในผลิตภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้น ดังนั้น โอกาสที่ผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยที่ไม่มีสารกลูเต็น จะไปทดแทนผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลีจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในจีนที่ใช้ข้าวสาลี และมันสำปะหลัง เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งในอนาคตคาดว่าปริมาณความต้องการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากสามารถเจรจาผลักดันให้ใช้แป้งข้าวเจ้าของไทย ซึ่งไม่มีสารกลูเต็นเหมือนข้าวสาลี จะทำให้ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ที่แพ้สารกลูเต็นมากถึง 4 ใน 62 คนของประชากรจีน หันมาบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ทำจากข้าวไทยแน่นอน
จากข้อมูลสถิติของอุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พบว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปริมาณความต้องการของตลาดจีนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยปี 2556 มีความต้องการ 46,220 ล้านห่อ มากเป็นอันดับ 1 ของโลก รองลงมา อินโดนีเซีย 14,000 ล้านห่อ ส่วนปี 2557 จีนต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูงถึง 48,615 ล้านห่อ ขยายตัวเพิ่มร้อยละ 5.18 แสดงให้เห็นว่า จีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และนิยมบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอย่างมาก