ต้นอ่อนข้าวสาลี มีสรรพคุณในการบำรุงดูแลสุขภาพ ซึ่งคนนิยมนำมาปรับใช้ผ่านวิธีทำที่หลากหลาย โดยเฉพาะน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี อย่างไรก็ดี นอกจากสรรพคุณอันหลากหลายแล้ว หนึ่งในนั้นคือเอ็นไซม์และองค์ประกอบอื่นๆ ที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง เรามาดูกันว่า เจ้าพืชเขียวๆ ชนิดนี้มีความเจ๋งอย่างไร ถึงได้รับการยอมรับในสรรพคุณ
• เอนไซม์ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส -SOD
ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นแหล่งอาหารราคาแสนถูกแห่ง SOD ซึ่งเป็นสาารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลัง หนึ่งในสารอันอันตรายที่สุดของอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็คืออนุมูลซูเปอร์ออกไซด์ ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นบ่อเกิดของมะเร็ง
จากการทดลองวิจัยของนักววิทยาศาสตร์ พบว่าในเอมไซม์ SOD พวกเขาพบเจอเซลล์มะเร็งในหลายรูปแบบน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่าเอนไซม์ชนิดนี้น่าจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนั้นเอมไซม์ SOD ยังจดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ เนื่องจากสามารถเปลี่ยนอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสารอันตรายต่อร่างกายให้เป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ อันเป็นออกซิไดเซอร์ หรืเป็นตัวการหนึ่งที่เกิดออกซิเจนและเป็นสารทำความสะอาดชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ ในระดับเซลล์ เอนไซม์ SOD ได้รับการค้นคว่าพบว่าสามารถที่จะปกป้องการเปลี่ยนผ่านของเซลล์ปกติให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง
• คลอโรฟิลล์
เนื่องจากเซลล์มะเร็งไม่สามารถอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีออกซเจนมากๆ โดยโครงสร้างทางเคมีคลอโรฟิลล์นั้นมีลักษณะคล้ายฮีมหรือเฮโมโกลบินซึ่งเป็นสารประกอบในเม็ดเลือดแดงดังกล่าวมาแล้ว และเป็นตัวนำพาออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น คลอโรฟิลล์จึงมีลักษณะของแอนติออกซิแดนท์ชนิดหนึ่ง เนื่องจากสามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออากจากเซลล์และยังปล่อยออกซิเจนให้แก่เซลล์อีกด้วย จึงทำให้เซลล์นั้นๆ พ้นสภาพจากการเป็นที่อยู่ของมะเร็งไปในตัว
• เอนไซม์ P4D1
เป็นกลูโปรตีนหรือกระบวนการก่อนที่จะเป็นโปรตีนในรูปแบบหนึ่งซึ่งมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่มิใช่โปรตีนอยู่ในนั้น บทบาทของกระบวนการก่อนที่จะเป็นโปรตีนชนิดนี้ ก็คือ เป็นโมเลกุลสำคัญในระบบภูมิชีวิต
เอนไซม์ P4D1 มีหน้าที่ 2 ประการในร่างกายมนุษย์ คือ 1.มีหน้าที่ในการซ่อมแซมโมเลกุลของดีเอ็นเอ เป็นไปได้ว่าการติดเชื้อโรคเรื้อรังหลายชนิดในเซลล์อาจถูกซ่อมแซมด้วยเอมไซม์ P4D1 ดังนั้น ร่างกายเราสามารถผลิตเซลล์ดีๆ ขึ้นมา นอกจากนั้น ในประการที่ 2 ในห้องทดลอง เอมไซม์ P4D1 ยังแสดงให้เห็นว่าสามารถที่จะกัดกินโปรตีนซึ่งห่อหุ้มเซลล์มะเร็งอยู่ เพื่อที่ว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกายสามารถที่จะจู่โจมและทำลายเซลล์มะเร็งได้
• กรดแอบไซซิก
จากการศึกษาของแพทย์หญิงเวอร์จิเนีย ลีฟวิ่งตัน-วีลเลอร์ เจ้าของทษฎี Livington - Wheeler Therapy ซึ่งเป็นทษฎีหนึ่งในการบำบัดรักษามะเร็ง พบว่าเซลล์มะเร็งจะผลิตสารที่มีลักษณะคล้ายโฮร์โมนโคริโอนิก โกนาโดโทรปิน ซึ่งกรดแอบไซซิกนั้นสามารถยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนชนิดนี้ได้ ปกติการรับประทานน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีควรรับประทานสดๆ หลังจากคั้นเสร็จ อย่างไรก็ตาม พบว่ากรดแอบไซซิกในต้นอ่อนข้าวสาลีจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 เท่าของของน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีสดๆ หลังจากทิ้งไว้สัก 4 ชั่วโมง ดังนั้น ผู้บริโภคที่เป็นมะเร็งควรแบ่งน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่หนึ่งบริโภคสด ขณะที่อีกส่วนหนึ่งบริโภคเมื่อทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง
_________________________
ข้อมูล : หนังสือ “ต้นอ่อนข้าวสาลี (วีทกราส) สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง” โดยมนต์สรรค์ จินดาแสง และคณะ, สำนักพิมพ์อัมรินทร์ สุขภาพ
• เอนไซม์ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส -SOD
ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นแหล่งอาหารราคาแสนถูกแห่ง SOD ซึ่งเป็นสาารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลัง หนึ่งในสารอันอันตรายที่สุดของอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็คืออนุมูลซูเปอร์ออกไซด์ ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นบ่อเกิดของมะเร็ง
จากการทดลองวิจัยของนักววิทยาศาสตร์ พบว่าในเอมไซม์ SOD พวกเขาพบเจอเซลล์มะเร็งในหลายรูปแบบน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่าเอนไซม์ชนิดนี้น่าจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนั้นเอมไซม์ SOD ยังจดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ เนื่องจากสามารถเปลี่ยนอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสารอันตรายต่อร่างกายให้เป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ อันเป็นออกซิไดเซอร์ หรืเป็นตัวการหนึ่งที่เกิดออกซิเจนและเป็นสารทำความสะอาดชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ ในระดับเซลล์ เอนไซม์ SOD ได้รับการค้นคว่าพบว่าสามารถที่จะปกป้องการเปลี่ยนผ่านของเซลล์ปกติให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง
• คลอโรฟิลล์
เนื่องจากเซลล์มะเร็งไม่สามารถอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีออกซเจนมากๆ โดยโครงสร้างทางเคมีคลอโรฟิลล์นั้นมีลักษณะคล้ายฮีมหรือเฮโมโกลบินซึ่งเป็นสารประกอบในเม็ดเลือดแดงดังกล่าวมาแล้ว และเป็นตัวนำพาออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น คลอโรฟิลล์จึงมีลักษณะของแอนติออกซิแดนท์ชนิดหนึ่ง เนื่องจากสามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออากจากเซลล์และยังปล่อยออกซิเจนให้แก่เซลล์อีกด้วย จึงทำให้เซลล์นั้นๆ พ้นสภาพจากการเป็นที่อยู่ของมะเร็งไปในตัว
• เอนไซม์ P4D1
เป็นกลูโปรตีนหรือกระบวนการก่อนที่จะเป็นโปรตีนในรูปแบบหนึ่งซึ่งมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่มิใช่โปรตีนอยู่ในนั้น บทบาทของกระบวนการก่อนที่จะเป็นโปรตีนชนิดนี้ ก็คือ เป็นโมเลกุลสำคัญในระบบภูมิชีวิต
เอนไซม์ P4D1 มีหน้าที่ 2 ประการในร่างกายมนุษย์ คือ 1.มีหน้าที่ในการซ่อมแซมโมเลกุลของดีเอ็นเอ เป็นไปได้ว่าการติดเชื้อโรคเรื้อรังหลายชนิดในเซลล์อาจถูกซ่อมแซมด้วยเอมไซม์ P4D1 ดังนั้น ร่างกายเราสามารถผลิตเซลล์ดีๆ ขึ้นมา นอกจากนั้น ในประการที่ 2 ในห้องทดลอง เอมไซม์ P4D1 ยังแสดงให้เห็นว่าสามารถที่จะกัดกินโปรตีนซึ่งห่อหุ้มเซลล์มะเร็งอยู่ เพื่อที่ว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกายสามารถที่จะจู่โจมและทำลายเซลล์มะเร็งได้
• กรดแอบไซซิก
จากการศึกษาของแพทย์หญิงเวอร์จิเนีย ลีฟวิ่งตัน-วีลเลอร์ เจ้าของทษฎี Livington - Wheeler Therapy ซึ่งเป็นทษฎีหนึ่งในการบำบัดรักษามะเร็ง พบว่าเซลล์มะเร็งจะผลิตสารที่มีลักษณะคล้ายโฮร์โมนโคริโอนิก โกนาโดโทรปิน ซึ่งกรดแอบไซซิกนั้นสามารถยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนชนิดนี้ได้ ปกติการรับประทานน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีควรรับประทานสดๆ หลังจากคั้นเสร็จ อย่างไรก็ตาม พบว่ากรดแอบไซซิกในต้นอ่อนข้าวสาลีจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 เท่าของของน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีสดๆ หลังจากทิ้งไว้สัก 4 ชั่วโมง ดังนั้น ผู้บริโภคที่เป็นมะเร็งควรแบ่งน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่หนึ่งบริโภคสด ขณะที่อีกส่วนหนึ่งบริโภคเมื่อทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง
_________________________
ข้อมูล : หนังสือ “ต้นอ่อนข้าวสาลี (วีทกราส) สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง” โดยมนต์สรรค์ จินดาแสง และคณะ, สำนักพิมพ์อัมรินทร์ สุขภาพ