หมอมะเร็ง ชี้ “จุลชีพ” รักษามะเร็งไม่ได้ แต่อาจช่วยเพิ่มภูมิต้านทานร่างกายได้ แนะประสานแพทย์แผนปัจจุบันร่วมวิธีธรรมชาติ ช่วยเสริมฤทธิ์การรักษา เผยกินโปรตีนมีประโยชน์ ทำสมาธิวันละ 20 นาที ไม่เครียด ออกกำลังกายประจำ ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานสู้มะเร็งได้ดี
วันนี้ (20 ม.ค.) ผศ.พญ.เอื้อมแข สุขประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงกรณีมีผู้อวดอ้างสรรพคุณอาหารเสริมสุขภาพจุลชีพรักษาโรคมะเร็ง โดยอ้างหลักสำคัญ คือ ใช้สิ่งมีชีวิตควบคุมสิ่งมีชีวิตด้วยกัน ว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า จุลชีพสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ แต่ยอมรับว่าจุลชีพบางชนิด เช่น แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วก็อาจไปช่วยให้ภูมิต้านทานของร่างกายดีขึ้น จึงมองว่าสามารถนำมาใช้เสริมฤทธิ์กับการรักษามะเร็งในปัจจุบัน ทั้งนี้ การที่ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้นก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการสู้กับโรคมะเร็ง ที่น่ากังวลคือผู้ป่วยโรคมะเร็งมักมีความเชื่อผิด ๆ เช่น ป่วยเป็นมะเร็งแล้วจะไม่กินโปรตีน นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ซึ่งขัดกับหลักการทางการแพทย์ เพราะภูมิต้านทางร่างกายอย่างเม็ดเลือดขาวก็ต้องอาศัยอาหารประเภทโปรตีนเหล่านี้
“หากจะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ก็ไม่เป็นไร แต่จำเป็นต้องได้รับโปรตีนที่มีประโยชน์จากแหล่งอื่น เช่น ไข่ นม ธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตนได้ร่วมโครงการกับวัดป่าธรรมอุทยาน จ.ขอนแก่น โดยพระอาจารย์ที่วัดนำคนไข้มะเร็งจากทุกระยะมาปฏิบัติธรรมในวัด เช่น ทำสมาธิ ทำวัด และมีนักโภชนาการมาร่วมทำอาหารให้ผู้ป่วยรับประทาน โดยเน้นโปรตีนจากธัญพืช โดยแพทย์ได้ทำการเจาะเลือดผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังโครงการ พบว่า ผู้ป่วยแม้น้ำหนักลดลง แต่สารอาหารไม่ขาด เม็ดเลือดขาวไม่ลดลง ดังนั้น การเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายจึงเป็นเรื่องสำคัญ จึงมองว่าควรมีการประสานการรักษาระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันกับทางธรรมชาติให้เหมาะสม ก็อาจช่วยเสริมฤทธิ์การรักษาซึ่งกันและกันได้” ผศ.พญ.เอื้อมแข กล่าว
ผศ.พญ.เอื้อมแข กล่าวว่า การเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายนั้น สามารถทำได้ด้วยการรับประทานโปรตีนที่มีประโยชน์ รวมถึงรับประทานอาหารให้ครบหมู่ ทำสมาธิวันละ 20 นาที อย่าเครียด ออกกำลังกายเป็นประจำ ก็สามารถช่วยเพิ่มภูมต้านทานได้ อย่างไรก็ตาม ที่น่ากังวลคือผู้ป่วยโรคมะเร็งมักเข้าถึงสมุนไพรต่าง ๆ ที่มีสรรพคุณช่วยเรื่องโรคมะเร็ง แต่จากการวิจัยพบว่าดว่าร้อยละ 50 ไม่บอกแพทย์ว่ามีการใช้สมุนไพรร่วมด้วย ซึ่งตนมองว่าหากมีการใช้สมุนไพรควรบอกแพทย์เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้ยากับผู้ป่วย เพราะบางคนรับประทานเข้าไปมาก ๆ ก็ส่งผลกระทบต่อตับและไต เช่น ตับอักเสบรุนแรง หรือไตวาย เป็นต้น
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะโฆษก อย. กล่าวว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกจับเนื่องจากกระทำความผิดมาแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่ ก.พ.2558 และล่าสุดวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม อย.ไม่เคยอนุญาต ผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่โฆษณาว่าเป็นโปรไบโอติก หรือเป็นจุลชีพ เพื่อใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งจากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวก็ไม่ได้รับอนุญาต ทั้งทะเบียนยา และอาหาร ดังนั้น หากผู้บริโภคเห็นโฆษณาต้องใช้วิจารณญาณ เพราะโรคมะเร็งนั้น บางชนิดสามารถรักษาได้หากพบแพทย์ตั้งแต่ระยะต้นๆ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรองนับเป็นการเสียโอกาสของผู้ป่วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่