คนอีสานมีวัฒนธรรมการกินปลาดิบมานาน เนื่องจากเป็นวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมเพื่อให้สามารถอยู่รอดกับฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปในพื้นที่ โดยพื้นฐานแล้วคนอีสานเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย และรับประทานอาหารที่หาได้ตามฤดูกาล
ในช่วงหน้าฝนก็จะทำนาข้าวและหาปลาในห้วย หนอง คลอง บึง ในละแวกใกล้เคียง เพื่อนำมาทำเป็นอาหาร ไม่ต้องซื้อหาให้เปลืองเงิน เมื่อยามหน้าแล้งชาวอีสานก็มีภูมิปัญญาในการทำปลาร้าและปลาส้ม เพื่อถนอมอาหารเพื่อให้มีปลากินตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าชาวอีสานอยู่รอดได้ด้วยปลาร้าจริงๆ
การหาปลาเป็นทักษะที่ติดตัวคนอีสาน แม้แต่เด็กก็สามารถจับปลาได้ด้วยวิธีการต่างๆ ที่ฝึกฝนมา ถึงแม้สมัยก่อนจะสามารถหาปลาในฤดูฝนได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีปัญหาในการหาฟืนเพื่อก่อไฟทำอาหาร เพราะฤดูฝนกิ่งไม้ใบหญ้ามีความชื้น ไม่สามารถก่อไฟได้
ดังนั้น กรรมวิธีการทำก้อยปลาดิบ จึงเปรียบเสมือนนวัตกรรมการปรับตัวในการบริโภค เพื่อให้อยู่รอดได้ในสภาวะดังกล่าว การทำก้อยปลานั้นจะนำปลาที่หาได้มาแล่เนื้อแบบสดๆ จากนั้นจึงสับให้ละเอียดและบีบน้ำมะนาวลงไป ใส่เกลือ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดง ฯลฯ กินกับข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ ก็เป็นเสร็จพิธีทำก้อยปลาแล้ว
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนถ่ายสังคม จากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง ในหลายพื้นที่ในภาคอีสาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้วัฒนธรรมการกินปลาดิบลดลง อีกทั้งยังมีค่านิยมที่ว่า การกินดิบแสดงให้เห็นถึงความเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง ทำให้ปัจจุบันวัฒนธรรมการกินปลาดิบยังคงมีอยู่
แต่หารู้ไม่ว่า วัฒนธรรมการกินปลาดิบที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เป็นสาเหตุใหญ่ที่คร่าชีวิตคนอีสานจำนวนมาก ในปัจจุบันพบว่า การบริโภคปลาแบบสุกๆดิบๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี เนื่องจากการบริโภคตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับที่อยู่ในตัวปลาเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับก็จะไปเจริญเติบโตอยู่ในบริเวณท่อน้ำดี ในระหว่างนี้ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ จะไม่สังเกตเห็นอาการใดๆ แต่ทว่าการมีพยาธิใบไม้ตับอาศัยอยู่ในท่อน้ำดีอย่างยาวนานนั่นเอง ที่เป็นสาเหตุทำให้ป่วยด้วยโรคมะเร็งท่อน้ำดี
แม้ว่าจะมีการรณรงค์ไม่ให้บริโภคอาหารแบบสุกๆดิบๆ โดยเฉพาะเนื้อปลาดิบ แต่ก็ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของคนอีสานได้ ทั้งนี้ โรคมะเร็งท่อน้ำดีจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะถึงระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะลุกลามยากที่จะรักษาให้หายได้
การก่อตัวเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีหลังจากที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ใช้ระยะเวลายาวนาน 20-30 ปี ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกลัวโรคนี้เท่าไหร่นัก อีกทั้งไม่รู้จักโรคนี้ดีพอ และมีค่านิยมผิดๆเกี่ยวกับการรับประทานเนื้อปลาแบบสุกๆดิบๆ เช่น การดื่มสุราคู่กับปลาดิบ การบีบมะนาวหรือการคั้นมดแดงใส่ลงไป จะช่วยทำลายตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ ทำให้ปลอดภัยจากโรคพยาธิใบไม้ตับ หรือการที่มียาถ่ายพยาธิใบไม้ตับ หรือยาพราซิควอนเทล(Praziquantel) ทำให้ไม่ต้องระวังเรื่องการบริโภคเนื้อปลาดิบ ซึ่งเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิด ที่ทำให้คนอีสานยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี
สำหรับปลาที่เป็นพาหะของโรคพยาธิใบไม้ตับนั้น นั่นคือปลาน้ำจืดมีเกล็ดสีขาวในวงศ์ปลาตะเพียน ที่จับมาได้ตามห้วย หนอง คลอง บึงทั่วไป อันได้แก่ ปลาไส้ตันตาแดง ปลากระมัง ปลากระสูบจุด ปลาพรมหัวเหม็น ปลากระสูบขีด ปลาแก้มช้ำ ปลาตะเพียนทราย ปลาตะเพียนขาว ปลาไส้ตันตาขาว ปลาซ่า ปลาปากเหลี่ยม ปลาสร้อย ฯลฯ
จากสถิติการระบาดของโรคมะเร็งท่อน้ำดี ประเทศไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงสุดในโลก และพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงสุดในประเทศไทย ก็คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีสาเหตุหลักเกิดจากวัฒนธรรมการกินปลาแบบสุกๆดิบๆ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง
ในปัจจุบันมีประชาชนที่ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งท่อน้ำดีอยู่ราว 6 ล้านคน และมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีเฉลี่ยราว 14,000 คนต่อปี ซึ่งสถิติเหล่านี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งอยู่ในวัยแรงงาน และเป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัวลง ย่อมส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวตามมา นับเป็นเรื่องเศร้าที่อยู่คู่กับภาคอีสานมาอย่างช้านาน
โรคมะเร็งท่อน้ำดีนั้น หากพบในระยะเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด โดยสามารถตรวจพบจากการอัลตราซาวด์ตรวจหามะเร็งในขั้นต้น จากนั้นคัดกรองผู้ที่สงสัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี ไปตรวจอย่างละเอียด และหากพบว่าเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี ก็จะทำการรักษาตามสิทธิ์ที่มีของคนไข้
ถึงแม้ว่าโรคมะเร็งท่อน้ำดีจะสามารถรักษาได้ แต่แพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาโรคมะเร็งท่อน้ำดี อาจจะยังไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้ป่วยในปัจจุบัน
ดังนั้น จะดีกว่านี้ไหม? หากคนอีสานจะใส่ใจตัวเอง ลด ละ เลิก วัฒนธรรมการกินปลาดิบ เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีในอนาคต เพื่อให้เราอยู่กับลูกหลานของเราได้นานขึ้นอีก
(ข้อมูลและภาพจากโครงการแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ในตับ
และมะเร็งท่อน้ำดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(CASCAP)
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 180 ธันวาคม 2558 โดย กองบรรณาธิการ)
ในช่วงหน้าฝนก็จะทำนาข้าวและหาปลาในห้วย หนอง คลอง บึง ในละแวกใกล้เคียง เพื่อนำมาทำเป็นอาหาร ไม่ต้องซื้อหาให้เปลืองเงิน เมื่อยามหน้าแล้งชาวอีสานก็มีภูมิปัญญาในการทำปลาร้าและปลาส้ม เพื่อถนอมอาหารเพื่อให้มีปลากินตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าชาวอีสานอยู่รอดได้ด้วยปลาร้าจริงๆ
การหาปลาเป็นทักษะที่ติดตัวคนอีสาน แม้แต่เด็กก็สามารถจับปลาได้ด้วยวิธีการต่างๆ ที่ฝึกฝนมา ถึงแม้สมัยก่อนจะสามารถหาปลาในฤดูฝนได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีปัญหาในการหาฟืนเพื่อก่อไฟทำอาหาร เพราะฤดูฝนกิ่งไม้ใบหญ้ามีความชื้น ไม่สามารถก่อไฟได้
ดังนั้น กรรมวิธีการทำก้อยปลาดิบ จึงเปรียบเสมือนนวัตกรรมการปรับตัวในการบริโภค เพื่อให้อยู่รอดได้ในสภาวะดังกล่าว การทำก้อยปลานั้นจะนำปลาที่หาได้มาแล่เนื้อแบบสดๆ จากนั้นจึงสับให้ละเอียดและบีบน้ำมะนาวลงไป ใส่เกลือ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดง ฯลฯ กินกับข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ ก็เป็นเสร็จพิธีทำก้อยปลาแล้ว
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนถ่ายสังคม จากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง ในหลายพื้นที่ในภาคอีสาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้วัฒนธรรมการกินปลาดิบลดลง อีกทั้งยังมีค่านิยมที่ว่า การกินดิบแสดงให้เห็นถึงความเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง ทำให้ปัจจุบันวัฒนธรรมการกินปลาดิบยังคงมีอยู่
แต่หารู้ไม่ว่า วัฒนธรรมการกินปลาดิบที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เป็นสาเหตุใหญ่ที่คร่าชีวิตคนอีสานจำนวนมาก ในปัจจุบันพบว่า การบริโภคปลาแบบสุกๆดิบๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี เนื่องจากการบริโภคตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับที่อยู่ในตัวปลาเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับก็จะไปเจริญเติบโตอยู่ในบริเวณท่อน้ำดี ในระหว่างนี้ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ จะไม่สังเกตเห็นอาการใดๆ แต่ทว่าการมีพยาธิใบไม้ตับอาศัยอยู่ในท่อน้ำดีอย่างยาวนานนั่นเอง ที่เป็นสาเหตุทำให้ป่วยด้วยโรคมะเร็งท่อน้ำดี
แม้ว่าจะมีการรณรงค์ไม่ให้บริโภคอาหารแบบสุกๆดิบๆ โดยเฉพาะเนื้อปลาดิบ แต่ก็ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของคนอีสานได้ ทั้งนี้ โรคมะเร็งท่อน้ำดีจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะถึงระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะลุกลามยากที่จะรักษาให้หายได้
การก่อตัวเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีหลังจากที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ใช้ระยะเวลายาวนาน 20-30 ปี ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกลัวโรคนี้เท่าไหร่นัก อีกทั้งไม่รู้จักโรคนี้ดีพอ และมีค่านิยมผิดๆเกี่ยวกับการรับประทานเนื้อปลาแบบสุกๆดิบๆ เช่น การดื่มสุราคู่กับปลาดิบ การบีบมะนาวหรือการคั้นมดแดงใส่ลงไป จะช่วยทำลายตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ ทำให้ปลอดภัยจากโรคพยาธิใบไม้ตับ หรือการที่มียาถ่ายพยาธิใบไม้ตับ หรือยาพราซิควอนเทล(Praziquantel) ทำให้ไม่ต้องระวังเรื่องการบริโภคเนื้อปลาดิบ ซึ่งเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิด ที่ทำให้คนอีสานยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี
สำหรับปลาที่เป็นพาหะของโรคพยาธิใบไม้ตับนั้น นั่นคือปลาน้ำจืดมีเกล็ดสีขาวในวงศ์ปลาตะเพียน ที่จับมาได้ตามห้วย หนอง คลอง บึงทั่วไป อันได้แก่ ปลาไส้ตันตาแดง ปลากระมัง ปลากระสูบจุด ปลาพรมหัวเหม็น ปลากระสูบขีด ปลาแก้มช้ำ ปลาตะเพียนทราย ปลาตะเพียนขาว ปลาไส้ตันตาขาว ปลาซ่า ปลาปากเหลี่ยม ปลาสร้อย ฯลฯ
จากสถิติการระบาดของโรคมะเร็งท่อน้ำดี ประเทศไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงสุดในโลก และพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงสุดในประเทศไทย ก็คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีสาเหตุหลักเกิดจากวัฒนธรรมการกินปลาแบบสุกๆดิบๆ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง
ในปัจจุบันมีประชาชนที่ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งท่อน้ำดีอยู่ราว 6 ล้านคน และมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีเฉลี่ยราว 14,000 คนต่อปี ซึ่งสถิติเหล่านี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งอยู่ในวัยแรงงาน และเป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัวลง ย่อมส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวตามมา นับเป็นเรื่องเศร้าที่อยู่คู่กับภาคอีสานมาอย่างช้านาน
โรคมะเร็งท่อน้ำดีนั้น หากพบในระยะเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด โดยสามารถตรวจพบจากการอัลตราซาวด์ตรวจหามะเร็งในขั้นต้น จากนั้นคัดกรองผู้ที่สงสัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี ไปตรวจอย่างละเอียด และหากพบว่าเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี ก็จะทำการรักษาตามสิทธิ์ที่มีของคนไข้
ถึงแม้ว่าโรคมะเร็งท่อน้ำดีจะสามารถรักษาได้ แต่แพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาโรคมะเร็งท่อน้ำดี อาจจะยังไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้ป่วยในปัจจุบัน
ดังนั้น จะดีกว่านี้ไหม? หากคนอีสานจะใส่ใจตัวเอง ลด ละ เลิก วัฒนธรรมการกินปลาดิบ เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีในอนาคต เพื่อให้เราอยู่กับลูกหลานของเราได้นานขึ้นอีก
(ข้อมูลและภาพจากโครงการแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ในตับ
และมะเร็งท่อน้ำดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(CASCAP)
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 180 ธันวาคม 2558 โดย กองบรรณาธิการ)