xs
xsm
sm
md
lg

นพ.ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล หมอใหญ่หัวใจฟรุ้งฟริ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล เจ้าของ Million Hair Transplant Center (MHC)
 
บทบาทนายแพทย์ผู้เชี่ยวด้านการรักษาเส้นผมที่โด่งดัง ทำให้ นพ.ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล ค่อนข้างหมกตัวอยู่กับงานมาตลอด เขารักการเรียนรู้และเต็มที่กับทุกเรื่องผ่านเข้ามา ไม่เว้นแม้แต่ไลฟ์สไตล์แห่งชีวิต ที่ลุ่มหลงมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ แม้จะดูขัดกับบุคลิกที่อ่อนโยน แต่ยามที่ได้โลดแล่นไปกับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขหายเหนื่อยล้าได้เฉียบพลัน

 
นพ.ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล เจ้าของ Million Hair Transplant Center (MHC) หมอที่สร้างชื่อเสียงให้วงการศัลยแพทย์ด้านปลูกเส้นผมของเมืองไทย ด้วยดีกรีและความสามารถส่วนตัว เริ่มต้นบอกเรื่องราวการเลือกทางเดินเป็นหมอรักษาเส้นผมว่า หลังจบแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล เขาอุทิศตัวเป็นหมอรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรงพยาบาลรามาธิบดี พักใหญ่ เห็นปัญหาข้างเคียงจากการรักษามะเร็งมากมาย โดยเฉพาะ เรื่องเส้นผม จึงตัดสินใจลาออกและหันมาศึกษาเรื่องศัลยกรรมเส้นผมอย่างจริงจัง

“เจอคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องเส้นผม เครียดถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้รู้ว่ามันเป็นปัญหาใหญ่มาก ทำให้เขาขาดความมั่นใจไม่กล้าพบปะผู้คน การที่เราได้ช่วยเหลือนำความมั่นใจกลับมา เหมือนทำให้เขามีชีวิตใหม่ ถึงผมจะไม่ได้รักษาชีวิตคนโดยตรง แต่การช่วยให้เขาพ้นทุกข์ทรมานใจได้ ผมก็พอใจแล้วครับ”

การศัลยกรรมปลูกผม นับเป็นงานที่ละเอียดอ่อนมาก เส้นผมทุกเส้นล้วนมีชีวิต การรักษาต้องเป็นไปตามสภาวะร่างกายของคนไข้ ต้องอาศัยความอดทน ร่วมกับความรู้ ความชำนาญ เทคโนโลยี และทีมงานที่เชี่ยวชาญของแพทย์ การรักษาจึงจะประสบความสำเร็จ...แม้จะดูง่าย หากแต่ความคาดหวังทั้งของหมอและคนไข้ที่ได้เจอในหลายๆ ครั้ง ทำให้เขารู้สึกเครียดได้เช่นกัน ซึ่งทุกครั้งที่เครียด เขาจะพักผ่อนด้วยการดูหนัง-ฟังเพลง และขับขี่มอเตอร์ไซค์คันโปรดท่องเที่ยว

 
นพ.ธิติวัฒน์ นับเป็นอีกหนึ่งคนที่ให้ความสนใจเรื่องเครื่องยนต์มาก เพราะมองว่าเป็นนวัตกรรมล้ำเลิศที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เพื่อใช้ขับเคลื่อนโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ และได้สัมผัสและ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

หมอเล่าย้อนถึงเมื่อครั้งเป็นเด็กว่า เป็นเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปที่นอกจากวิ่งเล่นแล้วก็ชื่นชอบรถแข่ง เครื่องยนต์กลไก และรูปทรงของรถกันเกือบทุกคนอยู่แล้ว พอโตขึ้นมาก็เริ่มหัดขี่มอเตอร์ไซค์ เรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่การควบคุมรถ เทคนิคต่างๆ การปรับจูน แต่ก็ต้องห่างเหินไปพักใหญ่ เพราะทางบ้านห่วงด้วยเหตุผลเรื่องอันตราย จนเมื่อโตขึ้นทำงานสามารถรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว จึงเริ่มมีบิ๊กไบค์ตามฝัน

บิ๊กไบค์ที่เขาเคยสัมผัส มีทั้งแบบสปอร์ตและทัวริ่ง “ตอนนี้มีสะสม 3 คัน คันแรกที่ซื้อมาเป็น harley davidson iron 883 ส่วนคันที่ชอบจะเป็น bmw 1200 gs adventure กับ bmw r9t ทั้งสองรุ่นเป็นบิ๊กไบค์ที่เน้นการขับขี่ทางไกลสบายๆ เครื่องแรง คอนโทรลรถง่ายสบายกว่ายี่ห้ออื่นๆ โดยเฉพาะ มันเป็นแนวครุยเซอร์ ซึ่งท่านั่งต่างๆ ก็จะค่อนข้างลงตัว สามารถขับขี่ได้ทั้งทางใกล้หรือไกล 2 คันนี้ใช้บ่อยสลับกัน”

 
หมอยังเล่าความรู้สึกเวลาที่ได้ขี่บิ๊กไบค์ว่า ทำให้ได้สัมผัสธรรมชาติและสิ่งรอบข้างอย่างเต็มที่ ทุกอณูเรารับรู้ได้หมด ที่สำคัญคือรู้สึกเป็นอิสระเหมือนได้โบยบิน “รถเก๋งให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ ผมชอบขับผ่านป่าที่ไหนก็ได้ ที่ทำให้ได้สัมผัสแดดอ่อนๆ มีลมพัดผ่าน จะชอบมากตอนที่ลมปะทะหน้าและตัวเรา มันเป็นความงดงามที่สัมผัสได้ทั้งกายและใจ ถ้าผมขับรถสปอร์ต มันจะรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเล็กๆ ที่ไม่ต่างจากห้องทำงาน สมาธิผมก็จะต้องจดจ่ออยู่กับถนนมากกว่า ถ้าขี่จักรยานความเหนื่อยจะมาลดทอนความสุขจากธรรมชาติรอบข้าง แต่บิ๊กไบค์ที่ผมขี่เป็นแบบทัวริง เน้นขับไม่เร็ว นั่งสบายๆ เรื่อยๆ รู้สึกชีวิตไม่ต้องรีบเร่ง”

แววตาที่ดูมุ่งมั่นจริงจังกับรอยยิ้มของคุณหมอคนเก่ง ยามพูดคุยเรื่องมอเตอร์ไซค์ดูช่างมีความสุขมากนัก โดยหมอบอกอีกว่า การขับบิ๊กไบค์ของเขาเน้นขับปลอดภัยมากกว่า คิดว่าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้วมีความสุข ขี่แล้วรู้สึกสนุก แต่เราก็ต้องมีสติและความชัวร์ในการขี่ตลอดเวลา ไม่โล่งจริงจะไม่เสี่ยงเด็ดขาด เพราะในช่วงชีวิตหนึ่งเราคงขี่บิ๊กไบค์ไม่ได้ตลอด เมื่ออายุมากขึ้นก็คงต้องเลิกขี่ไปเอง

 
ปัจจุบันนอกเหนือจากการเดินทางไปทำงานด้วยรถเก๋งแล้ว หมอบอกว่าพยายามใช้ 2 ล้อคู่ใจมากขึ้น ถ้าไม่ได้ออกทริปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เขามักจะขับไปในระยะทางใกล้ๆ เช่น ขับไปทำบุญใส่บาตรในยามเช้า รวมถึงขับผ่อนคลายก่อนเริ่มงานประจำวัน โดยสามารถขับขี่ได้ทุกแนวทั้งทางสายฝุ่น และทางเรียบ

สำหรับช่วงวันหยุดยาวปลายปีนี้ นพ.ธิติวัฒน์ ยังบอกกับเราว่า เขามีแผนออกทริปไปเพชรบูรณ์กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ซึ่งอาจจะใช้บริการส่งรถไปกับรถใหญ่ แทนการขี่ทางไกลยาวๆ รวดเดียว

“ผมอาจขับรถเก๋งไป แล้วนัดจุดรับรถที่กำหนดแล้วค่อยขับไปเที่ยวต่อ การทำแบบนี้จะทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินไป เก็บแรงไว้มีความสุขกับการขี่รถเที่ยวดีกว่า” ศัลยแพทย์ชื่อดัง นพ.ธิติวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม"
 
เรื่อง  วรกัญญา
ภาพ  สันติ
กำลังโหลดความคิดเห็น