ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,175 คน เรื่อง "การสร้างกระเช้าขึ้นยอดภูกระดึง" พบว่าประชาชนร้อยละ 51.58 เห็นด้วยกับโครงการสร้างกระเช้าขึ้นยอดภูกระดึง ขณะที่ร้อยละ 26.81 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 2.04 ระบุว่าควรปิดภูกระดึงไปเลยเพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติ ร้อยละ 10.55 ระบุว่าไม่แน่ใจ และร้อยละ 9.02 ไม่ระบุหรือเฉย ๆ
ส่วนกลุ่มประชาชนในจังหวัดเลย พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 64.02 เห็นด้วย เพราะเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดเวลาในการเดินทางขึ้นไปบนอุทยาน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างลูกหาบเพื่อขนสัมภาระ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวให้สามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาในการเดิน เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้สามารถเข้าถึงในพื้นที่บนเขาได้เมื่อมีเหตุกรณีฉุกเฉินได้อีกด้วย ขณะที่ร้อยละ 28.50 ไม่เห็นด้วย เพราะกังวลเรื่องการตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่บางส่วน ส่งผลให้ระบบนิเวศเสียสมดุล ผู้ที่ประกอบอาชีพต่างๆ ในเขตพื้นที่อุทยานอาจได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอาชีพลูกหาบ และร้านค้าบริเวณริมทางเดินขึ้นยอดภูกระดึง มีรายได้ลดลง
ทั้งนี้ เสน่ห์ของภูกระดึง คือการเดินขึ้นยอดภูด้วยตนเอง หากมีกระเช้าแล้วจะเป็นการบดบังหรือทำลายทัศนียภาพในการชมวิว ร้อยละ 5.61 ระบุว่า ไม่แน่ใจ และร้อยละ 1.87 ไม่ระบุหรือเฉย ๆ เพราะยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด ไม่แน่ใจว่าจะทำลายธรรมชาติมากน้อยเพียงใด ซึ่งการสร้างกระเช้ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย อีกทั้งบางส่วนระบุว่ายังไม่เคยขึ้นไปภูกระดึง จึงไม่ทราบว่ามีความลำบากมากน้อยเพียงใด
ส่วนบุคคลหรือหน่วยงานที่ควรเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจว่าควรสร้างกระเช้าขึ้นยอดภูกระดึง ประชาชนร้อยละ 24.26 เห็นว่าควรให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ รองลงมาร้อยละ 19.57 ระบุว่าเป็นประชาชนทั่วไป ร้อยละ 15.91 ระบุว่ารัฐบาล ร้อยละ 9.87 ระบุว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยาน ร้อยละ 8.51 คิดว่ากลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาติ ร้อยละ 5.28 ระบุว่าเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ใน จ.เลย ร้อยละ 2.64 ระบุว่า เป็นกลุ่มผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เช่น ร้านค้า ลูกจ้าง ลูกหาบ ร้อยละ 4.60 ระบุว่า เป็นหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยงานในพื้นที่รวมไปถึงประชาชนหน่วยงานทุก ๆ ฝ่ายควรมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งหมด และร้อยละ 9.36 ไม่ระบุหรือไม่แน่ใจ
ส่วนกลุ่มประชาชนในจังหวัดเลย พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 64.02 เห็นด้วย เพราะเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดเวลาในการเดินทางขึ้นไปบนอุทยาน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างลูกหาบเพื่อขนสัมภาระ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวให้สามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาในการเดิน เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้สามารถเข้าถึงในพื้นที่บนเขาได้เมื่อมีเหตุกรณีฉุกเฉินได้อีกด้วย ขณะที่ร้อยละ 28.50 ไม่เห็นด้วย เพราะกังวลเรื่องการตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่บางส่วน ส่งผลให้ระบบนิเวศเสียสมดุล ผู้ที่ประกอบอาชีพต่างๆ ในเขตพื้นที่อุทยานอาจได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอาชีพลูกหาบ และร้านค้าบริเวณริมทางเดินขึ้นยอดภูกระดึง มีรายได้ลดลง
ทั้งนี้ เสน่ห์ของภูกระดึง คือการเดินขึ้นยอดภูด้วยตนเอง หากมีกระเช้าแล้วจะเป็นการบดบังหรือทำลายทัศนียภาพในการชมวิว ร้อยละ 5.61 ระบุว่า ไม่แน่ใจ และร้อยละ 1.87 ไม่ระบุหรือเฉย ๆ เพราะยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด ไม่แน่ใจว่าจะทำลายธรรมชาติมากน้อยเพียงใด ซึ่งการสร้างกระเช้ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย อีกทั้งบางส่วนระบุว่ายังไม่เคยขึ้นไปภูกระดึง จึงไม่ทราบว่ามีความลำบากมากน้อยเพียงใด
ส่วนบุคคลหรือหน่วยงานที่ควรเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจว่าควรสร้างกระเช้าขึ้นยอดภูกระดึง ประชาชนร้อยละ 24.26 เห็นว่าควรให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ รองลงมาร้อยละ 19.57 ระบุว่าเป็นประชาชนทั่วไป ร้อยละ 15.91 ระบุว่ารัฐบาล ร้อยละ 9.87 ระบุว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยาน ร้อยละ 8.51 คิดว่ากลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาติ ร้อยละ 5.28 ระบุว่าเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ใน จ.เลย ร้อยละ 2.64 ระบุว่า เป็นกลุ่มผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เช่น ร้านค้า ลูกจ้าง ลูกหาบ ร้อยละ 4.60 ระบุว่า เป็นหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยงานในพื้นที่รวมไปถึงประชาชนหน่วยงานทุก ๆ ฝ่ายควรมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งหมด และร้อยละ 9.36 ไม่ระบุหรือไม่แน่ใจ