เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มีนาคม พล.ต.ท.ศานิตย์มหถาวร รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รรท.ผบช.น.) แถลงผลการจับกุม นายสมพร ทองรื่น อายุ 49 ปี นายพรชัย วงษา อายุ 21 ปี น.ส.กิตติยา ทองรื่น อายุ 22 ปี นายธวัชชัย พรมรุ่งโรจน์ อายุ 22 ปี นายวันเฉลิม ทองรื่น อายุ 23 ปี และ นายธนิศร์ บรรจบราช อายุ 30 ปี พร้อมของกลางรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน 3กร 7198 กทม., รถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีดำ ทะเบียน ษข 5717 กทม., รถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีส้ม ทะเบียน ทพ 5617 กทม., รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ ทะบียน กง 4801 ลพบุรี, รถยนต์มิตซูบิชิ แอททราจ ทะเบียน กธ 821 ลพบุรี, อุปกรณ์สว่านไฟฟ้า, ประแจชนิดต่างๆ, กล่องเครื่องมือที่ใช้ในการโจรกรรมรถยนต์ จำนวน 3 กล่อง, ยาบ้า 14 เม็ด, และอาวุธปืนลูกซองสั้นประเภทไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก
พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข ได้รับแจ้งจาก น.ส.วาสนา เทียมจันทร์ ว่า ถูกลักรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน 3 กร 7198 กทม. ซึ่งจอดอยู่ย่านเคหะอุดมสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปจร.น.) จึงเร่งรัดทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลักรถยนต์ดังกล่าว คือ กลุ่มของ นายสมพร ซึ่งเป็นแก๊งค์โจรกรรมรนยนต์ตัวฉกาจ อันดับ 3 ของประเทศ เคยก่อเหตุอย่างอุกอาจและมีหมายจับคดีโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่ต่างๆ หลายครั้ง รวมทั้งเป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยแก๊งค์ดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการ 7 คน มีความสัมพันธ์กันแบบครอบครัว และแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดย นายธวัชชัย เป็นผู้ขับรถวนดูเป้าหมาย จากนั้นจึงมีการติดตามเป้าหมายจนเหยื่อจอดรถ น.ส.กิตติยา ซึ่งเป็นลูกสาวของ นายสมพร หัวหน้าแก๊ง ก็จะทำทีเป็นเดิมติดตามเหยื่อเพื่อดูลาดเลาจนพ้นรถ จากนั้น นายสมพร จะส่ง นายวันเฉลิม ลูกชาย และ นายพรชัย ลูกเขย เข้าโจรกรรมรถยนต์ของเหยื่อแล้วขับหนีไป โดยมี นายธนิศร์ และ นายแฟรงค์ ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนีอยู่เป็นผู้คอยขับรถดูต้นทาง โดยรถทั้งหมดที่ถูกโจรกรรมมาได้ จะถูกนำไปจอดพักเพื่อรอขายต่อให้กับนายทุนที่รับซื้อในประเทศเพื่อบ้านราคาคันละ 200,000-300,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปจร.น. จึงออกสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนได้ข้อมูลผู้กระทำผิดพร้อมหลักฐาน จึงยื่นคำร้องต่อศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ทั้งหมดให้การว่า เคยก่อเหตุมาแค่ 6 ครั้ง ในพื้นที่ สน.อุดมสุข สน.ลาดกระบัง สภ.คูคต และ สน.บางใหญ่ ขณะที่จากการตรวจสอบพบว่า นายสมพร มีหมายจับติดตัว 3 หมาย นายวันเฉลิม 2 หมาย นายธวัชชัย นายธนิศร์ นายพรชัย น.ส.กิตติยา และ นายแฟรงค์ มีหมายจับคนละ 1 หมาย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยังทราบว่า นายสมพร เคยติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง ในคดีโจรกรรมรถยนต์ ทำมาตั้งแต่ปี 2542 รวมแล้วประมาณ 20 คัน โดยเน้นโจรกรรมรถกระบะโตโยต้าวีโก้ เป็นหลัก เนื่องจากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับรถดี ส่วนสถานที่ก่อเหตุจะเน้นตามคอนโดเฉพาะรถที่จอดข้างทาง และที่จอดรถแอร์พอร์ตลิ้ง เพราะไม่ค่อยมีคน วิธีการก่อเหตุจะใช้กุญแจตัวแอลไขเข้าไปที่รูกุญแจ ถ้าไขไม่ออกก็จะใช้สว่านเจาะเข้าไป เมื่อเปิดประตูได้แล้วก็ทำจะการปลดล็อคระบบต่างๆภายในรถ ส่วนมากจะเลือกก่อเหตุรถที่ล็อคเพียงเบรก ครัช และพวงมาลัย เพราะปลดล็อคได้ง่าย จากนั้นก็เช็คระบบไฟเพื่อดูว่ารถเหยื่อได้ติดสัญญาน GPS หรือไม่ ถ้าติดก็จะไม่เลือกก่อเหตุ และรถที่ล็อคเกียร์ ล็อคล้อ ก็จะไม่เลือกเช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถปลดล็อคได้
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า ศาลได้พิจารณาอนุมัติการออกหมายจับนายทุนผู้รับซื้อรถแล้ว 1 ราย เป็นชายอาศัยอยู่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า นายทุนคนดังกล่าวเป็นผู้รับซื้อรถจากแก๊ง นายสมพร และเป็นผู้นำรถส่งไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวต่อไป
พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข ได้รับแจ้งจาก น.ส.วาสนา เทียมจันทร์ ว่า ถูกลักรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน 3 กร 7198 กทม. ซึ่งจอดอยู่ย่านเคหะอุดมสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปจร.น.) จึงเร่งรัดทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลักรถยนต์ดังกล่าว คือ กลุ่มของ นายสมพร ซึ่งเป็นแก๊งค์โจรกรรมรนยนต์ตัวฉกาจ อันดับ 3 ของประเทศ เคยก่อเหตุอย่างอุกอาจและมีหมายจับคดีโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่ต่างๆ หลายครั้ง รวมทั้งเป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยแก๊งค์ดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการ 7 คน มีความสัมพันธ์กันแบบครอบครัว และแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดย นายธวัชชัย เป็นผู้ขับรถวนดูเป้าหมาย จากนั้นจึงมีการติดตามเป้าหมายจนเหยื่อจอดรถ น.ส.กิตติยา ซึ่งเป็นลูกสาวของ นายสมพร หัวหน้าแก๊ง ก็จะทำทีเป็นเดิมติดตามเหยื่อเพื่อดูลาดเลาจนพ้นรถ จากนั้น นายสมพร จะส่ง นายวันเฉลิม ลูกชาย และ นายพรชัย ลูกเขย เข้าโจรกรรมรถยนต์ของเหยื่อแล้วขับหนีไป โดยมี นายธนิศร์ และ นายแฟรงค์ ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนีอยู่เป็นผู้คอยขับรถดูต้นทาง โดยรถทั้งหมดที่ถูกโจรกรรมมาได้ จะถูกนำไปจอดพักเพื่อรอขายต่อให้กับนายทุนที่รับซื้อในประเทศเพื่อบ้านราคาคันละ 200,000-300,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปจร.น. จึงออกสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนได้ข้อมูลผู้กระทำผิดพร้อมหลักฐาน จึงยื่นคำร้องต่อศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ทั้งหมดให้การว่า เคยก่อเหตุมาแค่ 6 ครั้ง ในพื้นที่ สน.อุดมสุข สน.ลาดกระบัง สภ.คูคต และ สน.บางใหญ่ ขณะที่จากการตรวจสอบพบว่า นายสมพร มีหมายจับติดตัว 3 หมาย นายวันเฉลิม 2 หมาย นายธวัชชัย นายธนิศร์ นายพรชัย น.ส.กิตติยา และ นายแฟรงค์ มีหมายจับคนละ 1 หมาย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยังทราบว่า นายสมพร เคยติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง ในคดีโจรกรรมรถยนต์ ทำมาตั้งแต่ปี 2542 รวมแล้วประมาณ 20 คัน โดยเน้นโจรกรรมรถกระบะโตโยต้าวีโก้ เป็นหลัก เนื่องจากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับรถดี ส่วนสถานที่ก่อเหตุจะเน้นตามคอนโดเฉพาะรถที่จอดข้างทาง และที่จอดรถแอร์พอร์ตลิ้ง เพราะไม่ค่อยมีคน วิธีการก่อเหตุจะใช้กุญแจตัวแอลไขเข้าไปที่รูกุญแจ ถ้าไขไม่ออกก็จะใช้สว่านเจาะเข้าไป เมื่อเปิดประตูได้แล้วก็ทำจะการปลดล็อคระบบต่างๆภายในรถ ส่วนมากจะเลือกก่อเหตุรถที่ล็อคเพียงเบรก ครัช และพวงมาลัย เพราะปลดล็อคได้ง่าย จากนั้นก็เช็คระบบไฟเพื่อดูว่ารถเหยื่อได้ติดสัญญาน GPS หรือไม่ ถ้าติดก็จะไม่เลือกก่อเหตุ และรถที่ล็อคเกียร์ ล็อคล้อ ก็จะไม่เลือกเช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถปลดล็อคได้
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า ศาลได้พิจารณาอนุมัติการออกหมายจับนายทุนผู้รับซื้อรถแล้ว 1 ราย เป็นชายอาศัยอยู่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า นายทุนคนดังกล่าวเป็นผู้รับซื้อรถจากแก๊ง นายสมพร และเป็นผู้นำรถส่งไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวต่อไป
