นางปราณี ศุกระศร กรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นายสุระชัย เอี่ยมวชิรกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. และนายนพดล มณีรัตน์ ผู้จัดการโครงการปรับปรุงสภาพรถเมล์ ขสมก. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นำคณะสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมอู่จงเจริญบัส บอดี้ จังหวัดราชบุรี เพื่อดูความคืบหน้า และรถต้นแบบโครงการปรับปรุงรถเมล์เก่ากลับมาให้บริการตามแผนของ ขสมก. 671 คัน
นายนพดล กล่าวว่า รถต้นแบบที่ปรับปรุงใหม่ 3 คันนี้ ประกอบด้วย รถยี่ห้อมิตซูบิชิเป็นรถร้อน ซึ่งการปรับปรุงมีการยกเครื่องยนต์ใหม่เปลี่ยนเกียร์ปรับปรุงระบบช่วงล่างและปรับปรุงโฉมใหม่ทั้งหมด แต่ยังใช้โครงเหล็กตัวถัง (แชสซี) เดิม ไม่รวมอุปกรณ์เทคโนโลยีพวกระบบไวไฟ จีพีเอส จะมีงบประมาณดำเนินการประมาณคันละ 1.5 ล้านบาท เทียบกับการจัดซื้อรถใหม่จะมีราคามากกว่า 3 ล้านบาท รถเมล์ปรับอากาศยี่ห้อแดวูเปลี่ยนเครื่องใหม่เช่นเดียวกันจะใช้งบประมาณดำเนินการคันละ 2.7 ล้านบาท หากจัดซื้อใหม่จะมีราคาคันละ4-5 ล้านบาท
ส่วนรถปรับอากาศยูโรทู เดิมยี่ห้อเบนซ์นำมาปรับปรุงโอเวอร์ฮอล์เครื่องจะมีราคาดำเนินการคันละ 1.8 ล้านบาท หากจัดซื้อใหม่จะมีราคาคันละกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งรถที่นำมาปรับปรุงนี้มีอายุมากกว่า 20 ปี เมื่อปรับปรุงแล้วจะกลับมาใช้วิ่งบริการได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี
นางปราณี กล่าวว่า หลังจากตรวจดูการปรับปรุงรถใหม่ดังกล่าว เมื่อ ขสมก.พอใจการปรับปรุง และ สจล. สรุปตัวเลขงบประมาณที่ใช้ต่อคันแล้ว ขสมก.จะทำแผนเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ซึ่งการปรับปรุงสภาพรถเมล์ 671 คันจะรวมอยู่ในแผนการใช้วงเงินจัดหารถใหม่ของ ขสมก. ซึ่งเป็นวงเงินเดิม โดยแผนที่สรุปจะครอบคลุมการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีเดิม 489 คัน ที่มีการปรับปรุงทีโออาร์ แผนจัดหารถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน ซึ่งแผนการจัดหา และปรับปรุงรถใหม่ทั้งหมดนี้จะสรุปภายในเดือนมีนาคม 2559 และจะสามารถนำเสนอให้ ครม.พิจารณาตามที่นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กำหนดไว้ในเดือนเมษายนนี้ ส่วนการดำเนินการปรับปรุงรถเก่านี้ ขสมก.จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง โดยจะมีการทยอยส่งมอบรถครั้งละ 60 คันมาดำเนินการ เพื่อไม่ให้กระทบกับการเดินรถบริการของ ขสมก.
นายสุระชัย กล่าวว่า การจัดหารถเมล์ใหม่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการที่ ขสมก. ดำเนินการตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โดยในอนาคตแผนฟื้นฟูกิจการจะครอบคลุมถึงแผนการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์จากการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบจีพีเอส ระบบเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ หรือ E-ticket และป้ายจราจรอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพบริการของ ขสมก.ให้ดียิ่งขึ้นด้วย
นายนพดล กล่าวว่า รถต้นแบบที่ปรับปรุงใหม่ 3 คันนี้ ประกอบด้วย รถยี่ห้อมิตซูบิชิเป็นรถร้อน ซึ่งการปรับปรุงมีการยกเครื่องยนต์ใหม่เปลี่ยนเกียร์ปรับปรุงระบบช่วงล่างและปรับปรุงโฉมใหม่ทั้งหมด แต่ยังใช้โครงเหล็กตัวถัง (แชสซี) เดิม ไม่รวมอุปกรณ์เทคโนโลยีพวกระบบไวไฟ จีพีเอส จะมีงบประมาณดำเนินการประมาณคันละ 1.5 ล้านบาท เทียบกับการจัดซื้อรถใหม่จะมีราคามากกว่า 3 ล้านบาท รถเมล์ปรับอากาศยี่ห้อแดวูเปลี่ยนเครื่องใหม่เช่นเดียวกันจะใช้งบประมาณดำเนินการคันละ 2.7 ล้านบาท หากจัดซื้อใหม่จะมีราคาคันละ4-5 ล้านบาท
ส่วนรถปรับอากาศยูโรทู เดิมยี่ห้อเบนซ์นำมาปรับปรุงโอเวอร์ฮอล์เครื่องจะมีราคาดำเนินการคันละ 1.8 ล้านบาท หากจัดซื้อใหม่จะมีราคาคันละกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งรถที่นำมาปรับปรุงนี้มีอายุมากกว่า 20 ปี เมื่อปรับปรุงแล้วจะกลับมาใช้วิ่งบริการได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี
นางปราณี กล่าวว่า หลังจากตรวจดูการปรับปรุงรถใหม่ดังกล่าว เมื่อ ขสมก.พอใจการปรับปรุง และ สจล. สรุปตัวเลขงบประมาณที่ใช้ต่อคันแล้ว ขสมก.จะทำแผนเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ซึ่งการปรับปรุงสภาพรถเมล์ 671 คันจะรวมอยู่ในแผนการใช้วงเงินจัดหารถใหม่ของ ขสมก. ซึ่งเป็นวงเงินเดิม โดยแผนที่สรุปจะครอบคลุมการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีเดิม 489 คัน ที่มีการปรับปรุงทีโออาร์ แผนจัดหารถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน ซึ่งแผนการจัดหา และปรับปรุงรถใหม่ทั้งหมดนี้จะสรุปภายในเดือนมีนาคม 2559 และจะสามารถนำเสนอให้ ครม.พิจารณาตามที่นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กำหนดไว้ในเดือนเมษายนนี้ ส่วนการดำเนินการปรับปรุงรถเก่านี้ ขสมก.จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง โดยจะมีการทยอยส่งมอบรถครั้งละ 60 คันมาดำเนินการ เพื่อไม่ให้กระทบกับการเดินรถบริการของ ขสมก.
นายสุระชัย กล่าวว่า การจัดหารถเมล์ใหม่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการที่ ขสมก. ดำเนินการตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โดยในอนาคตแผนฟื้นฟูกิจการจะครอบคลุมถึงแผนการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์จากการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบจีพีเอส ระบบเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ หรือ E-ticket และป้ายจราจรอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพบริการของ ขสมก.ให้ดียิ่งขึ้นด้วย