นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ เอฟที งวดเดือน พ.ค. - ส.ค.59 ต้นทุนมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟจะลดลงตามทิศทางราคาน้ำมัน แต่มีปัจจัยอื่นที่เพิ่มขึ้นทั้งอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ความต้องการใช้ไฟแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาวะอากาศที่ร้อน รวมถึงการผลิตไฟจากน้ำที่ลดลงจากปริมาณน้ำในเขื่อนที่ลดจากภาวะภัยแล้ง และต้นทุนการซื้อไฟจากพลังงานหมุนเวียนที่สูงขึ้น ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวที่ 30 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล ทำให้ราคาก๊าซลดลงเพียง 6 บาทต่อล้านบีทียูเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ขณะที่ความต้องการสูงขึ้นก็ต้องไปเดินเครื่องที่ใช้เชื้อเพลิงที่สูงกว่าแทน ซึ่งต้นทุนเหล่านี้โดยรวมเมื่อหักลบกับก๊าซจึงมีทิศทางสูงขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม กกพ. จะบริหารจัดการเพื่อไม่ให้ค่าไฟฟ้าขยับเพิ่มขึ้น โดยค่าเอฟทีปี 58 เทียบกับกลางปี 57 ต้นทุนจากการซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนกระทบค่าไฟสูงเพิ่มขึ้นถึง 7.3 สตางค์ต่อหน่วย และแนวโน้มส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก โดยปี 2558 กกพ. มีการพิจารณาค่าเอฟทีลดลงรวม 22.62 สตางค์ต่อหน่วย สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม กกพ. จะบริหารจัดการเพื่อไม่ให้ค่าไฟฟ้าขยับเพิ่มขึ้น โดยค่าเอฟทีปี 58 เทียบกับกลางปี 57 ต้นทุนจากการซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนกระทบค่าไฟสูงเพิ่มขึ้นถึง 7.3 สตางค์ต่อหน่วย และแนวโน้มส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก โดยปี 2558 กกพ. มีการพิจารณาค่าเอฟทีลดลงรวม 22.62 สตางค์ต่อหน่วย สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง