พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยกล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่ส่งผลต่อปัญหายางพาราตกต่ำขณะนี้ มาจากภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ส่วนการใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมสร้างถนนในประเทศมีเพียงร้อยละ 5 ซึ่งจากนี้จะผลักดันให้มีการใช้ยางพารา เพื่อกิจการภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14 เป็นร้อยละ 20 ขณะที่ สัดส่วนการส่งออกยางพาราอยู่ที่ร้อยละ 18 ล่าสุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้นำยางพารามาทำถนนทั่วประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 ตัน รวมถึงนำไปสร้างสนามกีฬา แผ่นปูพื้น ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปีนี้(2559) ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินโครงการสร้างอาชีพเสริมในสวนยาง วงเงิน 15,000 ล้านบาท มีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 159,270 ราย ได้รับเงินส่งเสริมแล้ว 96,500 ราย ขณะนี้มีเงินเหลือ 2,861 ล้านบาท จะขยายการเปิดรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมต่อไป สำหรับอาชีพเสริมที่เกษตรกรสนใจร้อยละ 61 ด้านปศุสัตว์ร้อยละ 13 ผลไม้ พืชสมุนไพร ไม้ประดับร้อยละ 10 ด้านพืชไร่ร้อยละ 9 นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำนักธุรกิจเดินทางไปประเทศอินเดียและรัสเซีย หาช่องทางระบายยางพาราในสต๊อก และวันที่ 11 มกราคมนี้ จะเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคณะกรรมการ เพื่อพัฒนายางพารา วางแผนการดูแลยางพาราให้มีเสถียรภาพระยะยาว ส่วนแผนระยะกลางและระยาว คือการฟื้นราคายางให้สูงขึ้นจากปัจจุบัน โดยใช้กฎหมาย พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทยดูแล ขณะนี้ได้ตัวแทนคณะกรรมการครบแล้ว และพร้อมจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจาณาสัปดาห์หน้า จากนั้น จะเริ่มดำเนินงานได้ทัน
ปัจจุบันราคายางดิบและยางแผ่นลมควันเฉลี่ยกิโลกรัมละประมาณ 33-34 บาท ขณะที่ราคาน้ำยาง 28.50 บาท ซึ่งปรับขึ้นประมาณกิโลกรัมละ 50 สตางค์ หากราคายางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้า จะใช้การบริหารจัดการทางการตลาด แทนการบังคับใช้กฎหมายให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมรับซื้อ
ปัจจุบันราคายางดิบและยางแผ่นลมควันเฉลี่ยกิโลกรัมละประมาณ 33-34 บาท ขณะที่ราคาน้ำยาง 28.50 บาท ซึ่งปรับขึ้นประมาณกิโลกรัมละ 50 สตางค์ หากราคายางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้า จะใช้การบริหารจัดการทางการตลาด แทนการบังคับใช้กฎหมายให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมรับซื้อ