ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันส่งผลให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 309.54 จุด หรือ 1.76% ปิดที่ 17,265.21 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 39.86 จุด หรือ 1.94% ปิดที่ 2,012.37 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 111.71 จุด หรือ 2.21% ปิดที่ 4,933.47 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังจากราคาน้ำมันร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตัดสินใจคงอัตราการผลิตไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าอุปทานจะสูงเกินไป
การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันส่งผลให้ราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทพลังงานปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะทรงตัวในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ในขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.
ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวสหรัฐได้ทำการใช้จ่ายมากขึ้น หลังจากที่ยอดค้าปลีกแทบไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้บริโภคทำการออมมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ยังคงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%
หุ้นดูปองท์ร่วงลง 5.5% ในขณะที่หุ้นดาวเคมิคอลลดลง 2.8% หลังจากทั้ง 2 บริษัทยืนยันการรวมกิจการเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ DowDupont ซึ่งจะมีมูลค่าการตลาดรวมกันที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์
หุ้นอโดบี ซิสเท็มส์ อิงค์ เพิ่มขึ้น 2.8% หลังบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
หุ้นโฮล ฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทไอทีจีระบุว่า ปัจจุบันโฮล ฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ มีผลประกอบการที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 309.54 จุด หรือ 1.76% ปิดที่ 17,265.21 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 39.86 จุด หรือ 1.94% ปิดที่ 2,012.37 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 111.71 จุด หรือ 2.21% ปิดที่ 4,933.47 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังจากราคาน้ำมันร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตัดสินใจคงอัตราการผลิตไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าอุปทานจะสูงเกินไป
การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันส่งผลให้ราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทพลังงานปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะทรงตัวในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ในขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.
ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวสหรัฐได้ทำการใช้จ่ายมากขึ้น หลังจากที่ยอดค้าปลีกแทบไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้บริโภคทำการออมมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ยังคงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%
หุ้นดูปองท์ร่วงลง 5.5% ในขณะที่หุ้นดาวเคมิคอลลดลง 2.8% หลังจากทั้ง 2 บริษัทยืนยันการรวมกิจการเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ DowDupont ซึ่งจะมีมูลค่าการตลาดรวมกันที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์
หุ้นอโดบี ซิสเท็มส์ อิงค์ เพิ่มขึ้น 2.8% หลังบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
หุ้นโฮล ฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทไอทีจีระบุว่า ปัจจุบันโฮล ฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ มีผลประกอบการที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท