ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 250 จุดเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ การร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้ด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,448.07 จุด ร่วงลง 254.15 จุด หรือ -1.44% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,005.08 จุด ลดลง 61.94 จุด หรือ -1.22% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,045.97 จุด ลดลง 29.03 จุด หรือ -1.40%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 เดือนเมื่อคืนนี้ หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดควรออกจากนโยบายที่กำหนดให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ 0% เนื่องจากนโยบายดังกล่าวได้บรรลุผลส่วนใหญ่ตามที่ต้องการแล้ว
นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยวา อัตราว่างงานของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 5% ในขณะนี้ ถือว่าแทบไม่แตกต่างจากค่ากลางในการประเมินของเฟดในระยะยาวที่ระดับ 4.9% นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังได้แสดงความต้องการที่จะกลับไปสู่นโยบายดุลยภาพที่เฟดใช้ในระหว่างปี 1984-2007 ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินที่ดี และการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งการมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าในปัจจุบัน
ส่วนถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูนั้น เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย นางเยลเลนได้กล่าวในการประชุมแห่งหนึ่งซึ่งเฟดเป็นเจ้าภาพว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางที่จะประเมินว่านโยบายการเงินมีการดำเนินการอย่างไร และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างอย่างไร ท่ามกลางวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินโลก อย่างไรก็ดี นางเยลเลนไม่ได้กล่าวถึงแนวโน้มในระยะใกล้ของเศรษฐกิจสหรัฐแต่อย่างใด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ทรงตัวที่ระดับ 276,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะลดลงสู่ระดับ 270,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 36 ติดต่อกัน และยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากสหรัฐสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.5% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.7% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ปรับตัวลง 2.4% และหุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลงกว่า 3% หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 3.2% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล เปเปอร์ ร่วงลง 3.9%
หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทฟินนิง อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นดีลเลอร์เครื่องจักรรายใหญ่สุดของแคทเทอร์พิลลาร์ ประกาศแผนการปิดโรงงานหลายแห่งและปลดพนักงานจำนวนมาก เนื่องจากยอดขายชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,448.07 จุด ร่วงลง 254.15 จุด หรือ -1.44% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,005.08 จุด ลดลง 61.94 จุด หรือ -1.22% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,045.97 จุด ลดลง 29.03 จุด หรือ -1.40%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 เดือนเมื่อคืนนี้ หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดควรออกจากนโยบายที่กำหนดให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ 0% เนื่องจากนโยบายดังกล่าวได้บรรลุผลส่วนใหญ่ตามที่ต้องการแล้ว
นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยวา อัตราว่างงานของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 5% ในขณะนี้ ถือว่าแทบไม่แตกต่างจากค่ากลางในการประเมินของเฟดในระยะยาวที่ระดับ 4.9% นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังได้แสดงความต้องการที่จะกลับไปสู่นโยบายดุลยภาพที่เฟดใช้ในระหว่างปี 1984-2007 ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินที่ดี และการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งการมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าในปัจจุบัน
ส่วนถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูนั้น เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย นางเยลเลนได้กล่าวในการประชุมแห่งหนึ่งซึ่งเฟดเป็นเจ้าภาพว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางที่จะประเมินว่านโยบายการเงินมีการดำเนินการอย่างไร และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างอย่างไร ท่ามกลางวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินโลก อย่างไรก็ดี นางเยลเลนไม่ได้กล่าวถึงแนวโน้มในระยะใกล้ของเศรษฐกิจสหรัฐแต่อย่างใด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ทรงตัวที่ระดับ 276,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะลดลงสู่ระดับ 270,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 36 ติดต่อกัน และยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากสหรัฐสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.5% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.7% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ปรับตัวลง 2.4% และหุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลงกว่า 3% หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 3.2% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล เปเปอร์ ร่วงลง 3.9%
หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทฟินนิง อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นดีลเลอร์เครื่องจักรรายใหญ่สุดของแคทเทอร์พิลลาร์ ประกาศแผนการปิดโรงงานหลายแห่งและปลดพนักงานจำนวนมาก เนื่องจากยอดขายชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน