ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลง $52/Oz หรือคิดเป็น 4.56% ปิดที่ระดับ $1,089/Oz จากแรงกดดันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ จากกระแสการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา นางเจเน็ต เยลเลน
ประธานเฟดได้กล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงวันที่ 15-16 ธ.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับตัวน่าพอใจ โดยความคิดเห็นดังกล่าวได้กระตุ้นการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ แม้นางเจเน็ต จะย้ำว่า ขณะนี้เฟดยังไม่ได้มีการตัดสินใจแต่อย่างใด
ขณะที่ล่าสุด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 183,000 ตำแหน่ง และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง จากข้อมูลจ้างงานล่าสุดที่ออกมาแข็งแกร่งจะบ่งชี้ถึงโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงการประชุมเดือน ธ.ค.มากขึ้นเป็นปัจจัยกดดันต่อทองคำ
ปัจจัยที่น่าติดตาม
10 พ.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคานำเข้าและส่งออกเดือน ต.ค./สต๊อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือน ก.ย.
12 พ.ย.สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
13 พ.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เดือน ต.ค./ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค./ยอดค้าปลีกเดือน ต.ค./สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ก.ย./ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือน พ.ย.
18 พ.ย. กำหนดประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป (ECB)
แนวโน้มฟื้นตัวช่วงสั้นทางเทคนิค
แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค
ราคาทองปรับลงต่อเนื่องลงมาจบรูปแบบลง ROUNDING TOP ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI มีภาวะ OVER SOLD
รวมถึงราคามีภาวะลงแรงมากเกินไปเกิดขึ้น จากสัญญาณที่เกิดขึ้นทำให้ราคามีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค
อย่างไรก็ตาม จากแรงกดดันสัญญาณ DEAD CROSS
และแนวโน้มลงที่ยังคงอยู่จะสร้างแรงกดดันให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นช่วงสั้นๆ เท่านั้นเพื่อลดภาวะลงแรงมากเกินไปก่อนปรับลงอีกครั้ง
แนวรับ 1,075/1,070 แนวต้าน 1,125/1,130