โดยปัจจัยกดดันราคาทองยังคงเป็นเรื่องกระแสการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงวันที่ 15-16 ธ.ค. หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2557 โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นสอดคล้องกัน โดยการสนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย โดยล่าสุด นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า กำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้ามาแล้ว และเฟดไม่ควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากความคิดเห็นที่เกิดขึ้นได้เพิ่มน้ำหนักต่อกระแสการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ ที่ปรับลดลงผิดคาดในเดือน ต.ค.+รายงานยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน ต.ค. รวมถึงการเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายจากการโจมตีกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จนส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมากนั้น จะกระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงจะเป็นปัจจัยหนุนต่อทองคำ
ปัจจัยที่น่าติดตาม
17 พ.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค.
18 พ.ย.กำหนดประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป (ECB) / สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-
การอนุญาตก่อสร้างเดือน ต.ค.
18-19 พ.ย. กำหนดประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
19 พ.ย. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 27-28 ตุลาคม /
สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ / ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน ต.ค. / ผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
15-16 ธ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
แนวโน้มฟื้นตัวขึ้น และแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค
ราคาทองเริ่มปรับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ หลังจากแกว่งตัวเป็นแท่งเทียน HIGH WAVE ใต้เส้นค่าเฉลี่ย 5 วันมาต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า เป็นสัญญาณจบรอบการลงช่วงสั้น ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI เริ่มปรับขึ้นจากสัญญาณ BULLISH DIVERGENCE และมีภาวะขายมากเกิดขึ้น ทำให้ราคามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
แนวรับ 1,070 / 1,065 แนวต้าน 1,125 / 1,130
