ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ระบุว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 10 พ.ย. แบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 27.73 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 17,758.21 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 3.14 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2,081.72 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 12.06 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 5,086.24 จุด
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงจีน หลังจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2559 ในขณะที่ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ทั้งในส่วนของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากตลาดขานรับข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. เพราะได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดาวโจนส์ลดแรงบวก ในขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนธ.ค. เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ
กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นนับตั้งแต่กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง
ราคาหุ้นแอปเปิลลดลง 3.15% หลังจากธนาคาร เครดิต ซุยเซ ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ผลิตไอโฟน 6 เอส ลดจำนวนยอดสั่งซื้อชิ้นส่วนลงราว 10% บ่งชี้ให้เห็นว่าปริมาณความต้องการสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของแอปเปิลลดน้อยลง
การแสดงความคิดเห็นของเครดิต สวิส ยังได้ฉุดราคาหุ้นของบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล รวมถึงหุ้นสกายเวิร์ค หุ้นเอวาโก หุ้นเซอร์รัส ลอจิก และหุ้น Qorvo โดยราคาหุ้นเหล่านี้ปรับตัวลงในกรอบ 3.9-10%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 6.3% และหุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 3%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน พุ่งขึ้น 8.3% หุ้นพัลท์กรุ๊ป และหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 10 พ.ย. แบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 27.73 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 17,758.21 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 3.14 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2,081.72 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 12.06 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 5,086.24 จุด
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงจีน หลังจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2559 ในขณะที่ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ทั้งในส่วนของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากตลาดขานรับข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. เพราะได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดาวโจนส์ลดแรงบวก ในขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนธ.ค. เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ
กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นนับตั้งแต่กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง
ราคาหุ้นแอปเปิลลดลง 3.15% หลังจากธนาคาร เครดิต ซุยเซ ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ผลิตไอโฟน 6 เอส ลดจำนวนยอดสั่งซื้อชิ้นส่วนลงราว 10% บ่งชี้ให้เห็นว่าปริมาณความต้องการสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของแอปเปิลลดน้อยลง
การแสดงความคิดเห็นของเครดิต สวิส ยังได้ฉุดราคาหุ้นของบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล รวมถึงหุ้นสกายเวิร์ค หุ้นเอวาโก หุ้นเซอร์รัส ลอจิก และหุ้น Qorvo โดยราคาหุ้นเหล่านี้ปรับตัวลงในกรอบ 3.9-10%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 6.3% และหุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 3%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน พุ่งขึ้น 8.3% หุ้นพัลท์กรุ๊ป และหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน