สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดร่วง 16.5 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ที่ 1,087.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองเผชิญปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดแรงงานยังคงเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และบ่งชี้ถึงโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากมีข้อมูลจ้างงานล่าสุดที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อเร็วๆนี้ในเรื่องนโยบายการเงิน ซึ่งก็ได้ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
นางเยลเลนกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค. พร้อมกล่าวเสริมว่า เดือนธ.ค.เป็นช่วงเวลาที่มีความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวน่าพอใจ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดปรับลง 91 เซนต์ หรือ 2% แตะที่ 44.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 56 เซนต์ ที่ 47.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดัน เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าที่คาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ (6 พ.ย.) ขณะที่ดัชนีที่สำคัญอื่นๆปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นมากเกินคาด ซึ่งช่วยสนับสนุนความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 46.90 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 17,910.33 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลง 0.73 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 2,099.20 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับขึ้น 19.38 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 5,147.12 จุด
ดาวโจนส์ปิดในแดนบวกหลังจากที่ร่วงลงในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
นักลงทุนมองว่าข้อมูลจ้างงานล่าสุดทำให้ได้ข้อสรุปว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ถ้าหากไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆมาหักล้างตัวเลขจ้างงานล่าสุด
ทางด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในเดือนต.ค.ถือเป็นตัวเลขที่ดี และถือเป็นข่าวดีที่จะสนับสนุนมุมมองของเขาสำหรับปี 2559
อย่างไรก็ดี เขาระบุว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถปรับตัวกลับไปอยู่ที่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ภายในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้หรือไม่
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดร่วง 16.5 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ที่ 1,087.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองเผชิญปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดแรงงานยังคงเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และบ่งชี้ถึงโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากมีข้อมูลจ้างงานล่าสุดที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อเร็วๆนี้ในเรื่องนโยบายการเงิน ซึ่งก็ได้ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
นางเยลเลนกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค. พร้อมกล่าวเสริมว่า เดือนธ.ค.เป็นช่วงเวลาที่มีความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวน่าพอใจ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดปรับลง 91 เซนต์ หรือ 2% แตะที่ 44.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 56 เซนต์ ที่ 47.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดัน เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าที่คาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ (6 พ.ย.) ขณะที่ดัชนีที่สำคัญอื่นๆปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นมากเกินคาด ซึ่งช่วยสนับสนุนความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 46.90 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 17,910.33 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลง 0.73 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 2,099.20 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับขึ้น 19.38 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 5,147.12 จุด
ดาวโจนส์ปิดในแดนบวกหลังจากที่ร่วงลงในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
นักลงทุนมองว่าข้อมูลจ้างงานล่าสุดทำให้ได้ข้อสรุปว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ถ้าหากไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆมาหักล้างตัวเลขจ้างงานล่าสุด
ทางด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในเดือนต.ค.ถือเป็นตัวเลขที่ดี และถือเป็นข่าวดีที่จะสนับสนุนมุมมองของเขาสำหรับปี 2559
อย่างไรก็ดี เขาระบุว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถปรับตัวกลับไปอยู่ที่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ภายในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้หรือไม่