นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงผลการประชุม วันนี้ (28 ต.ค.) ว่า ที่ประชุม กรธ.ยังคงพิจารณาเรื่องขบวนการและระบบการเลือกตั้ง โดยพยายามกำหนดคำนิยามของระบบเลือกตั้งที่ กรธ.เสนอ คือระบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจง่ายขึ้น ก่อนนำไปกำหนดเป็นกรอบเนื้อหา ไปรับฟังความเห็นกับประชาชน แต่หลักการสำคัญยังคงทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ และทุกคะแนนเสียงมีความหมาย
ทั้งนี้ คาดว่าเดือนหน้าคณะอนุกรรมการรับฟัง และสรุปความคิดเห็นที่มีผู้เสนอแนะ และจะเริ่มเปิดรับฟังความเห็นได้ โดยการเดินสายรับฟังความเห็นจะไปกันเป็นทีม ซึ่งมีตัวแทนแม่น้ำ 4 สาย คือ คณะรัฐมนตรี สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ กรธ.ไปพร้อมกัน ตามนโยบายของนายก
ขณะเดียวกัน คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และสำรวจความคิดเห็นได้ทาบทามสถาบันการศึกษาของรัฐ ที่มีความเชี่ยวชาญการทำโพล หรือสำรวจความคิดเห็น 2-3 แห่ง เพื่อประสานและให้รวบรวมความเห็นอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่า
นอกจากนี้ ที่ประชุม กรธ.ยังได้พิจารณาหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ โดยมีการกำหนดห้ามรัฐบาลดำเนินการขัดต่อแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หากฝ่าผืนสามารถฟ้องร้องได้
ทั้งนี้ คาดว่าเดือนหน้าคณะอนุกรรมการรับฟัง และสรุปความคิดเห็นที่มีผู้เสนอแนะ และจะเริ่มเปิดรับฟังความเห็นได้ โดยการเดินสายรับฟังความเห็นจะไปกันเป็นทีม ซึ่งมีตัวแทนแม่น้ำ 4 สาย คือ คณะรัฐมนตรี สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ กรธ.ไปพร้อมกัน ตามนโยบายของนายก
ขณะเดียวกัน คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และสำรวจความคิดเห็นได้ทาบทามสถาบันการศึกษาของรัฐ ที่มีความเชี่ยวชาญการทำโพล หรือสำรวจความคิดเห็น 2-3 แห่ง เพื่อประสานและให้รวบรวมความเห็นอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่า
นอกจากนี้ ที่ประชุม กรธ.ยังได้พิจารณาหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ โดยมีการกำหนดห้ามรัฐบาลดำเนินการขัดต่อแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หากฝ่าผืนสามารถฟ้องร้องได้
