นายวีระพล จิรประดิษฐกุลกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษกของ กกพ. เปิดเผยถึงเรื่องการปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ ว่า ภายหลังที่ได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ.ที่ผ่านมา ทาง กกพ.ได้มีมติเห็นชอบอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558 ประกอบด้วย โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายส่ง-ขายปลีก สูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ การชดเชยรายได้ระหว่างการไฟฟ้า และแนวทางการกำกับการดำเนินงานตามแผนการลงทุน โดยทั้งหมดนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โดยเฉพาะโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีก หรือค่าไฟที่เรียกเก็บในบิลของประชาชนที่ในปัจจุบันได้ใช้โครงสร้างมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่คิดจากค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 3.27 บาทต่อหน่วย รวมกับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) ที่จะปรับเปลี่ยนทุก 4 เดือน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 49.61 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้น การปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปีนี้จึงเป็นการรวมค่าไฟฟ้าฐานเดิมและค่าเอฟทีเดือนพฤษภาคม –สิงหาคม 2558 ไว้ด้วยกันเป็นอัตราค่าไฟฟ้าฐานใหม่ 3.7661 บาทต่อหน่วย และ กกพ.ได้พิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่าสามารถปรับลดค่าไฟฟ้าลงได้อีก 1.05 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าฐานใหม่จะอยู่ที่ 3.7556 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าขายปลีก 1.05 สตางค์ต่อหน่วย เป็นผลมาจากปัจจัย อาทิ การทบทวนความต้องการรายได้ของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง (กฟผ. กฟน. และ กฟภ.) และการกำกับดูแลแผนการลงทุนของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ที่มีเงินลงทุนต่ำกว่าแผนรวมเป็นเงินประมาณ 25,696 ล้านบาท โดย กกพ.ได้ปรับจากเงินลงทุนที่ต่ำกว่าแผนในช่วงปี 2555-2556 มาลดค่าไฟฟ้าได้จำนวน 3,220 ล้านบาท หรือประมาณ 0.81 สตางค์ต่อหน่วย และการปรับอัตราค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาของการใช้ให้สะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริง
ทั้งนี้ โดยเฉพาะโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีก หรือค่าไฟที่เรียกเก็บในบิลของประชาชนที่ในปัจจุบันได้ใช้โครงสร้างมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่คิดจากค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 3.27 บาทต่อหน่วย รวมกับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) ที่จะปรับเปลี่ยนทุก 4 เดือน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 49.61 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้น การปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปีนี้จึงเป็นการรวมค่าไฟฟ้าฐานเดิมและค่าเอฟทีเดือนพฤษภาคม –สิงหาคม 2558 ไว้ด้วยกันเป็นอัตราค่าไฟฟ้าฐานใหม่ 3.7661 บาทต่อหน่วย และ กกพ.ได้พิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่าสามารถปรับลดค่าไฟฟ้าลงได้อีก 1.05 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าฐานใหม่จะอยู่ที่ 3.7556 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าขายปลีก 1.05 สตางค์ต่อหน่วย เป็นผลมาจากปัจจัย อาทิ การทบทวนความต้องการรายได้ของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง (กฟผ. กฟน. และ กฟภ.) และการกำกับดูแลแผนการลงทุนของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ที่มีเงินลงทุนต่ำกว่าแผนรวมเป็นเงินประมาณ 25,696 ล้านบาท โดย กกพ.ได้ปรับจากเงินลงทุนที่ต่ำกว่าแผนในช่วงปี 2555-2556 มาลดค่าไฟฟ้าได้จำนวน 3,220 ล้านบาท หรือประมาณ 0.81 สตางค์ต่อหน่วย และการปรับอัตราค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาของการใช้ให้สะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริง