พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นภารกิจการเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี 2015 และการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ที่นครนิวยอกร์ก สหรัฐอเมริกาแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีพอใจผลการเข้าร่วมประชุม ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจในการเป็นตัวแทนของประเทศ
ทั้งนี้ ตลอดช่วงการประชุม ได้ชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศที่ก้าวไปข้างหน้า ผ่านถ้อยแถลงในเวทีการพัฒนาประเทศ 2 เวทีใหญ่ และ 4 เวทีคู่ขนาน ทำให้ได้รับการตอบรับทั้งในด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งการสร้างสันติภาพร่วมกัน โดยนานาประเทศมีความเข้าใจไทยมากยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ นายกรับมนตรี ได้นำเสนอแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประเทศที่กำลังพัฒนาใช้เป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ เป็นตัวอย่างของความสำเร็จ นำไปสู่ได้ความไว้วางใจจากประเทศที่กำลังพัฒนาเลือกให้เป็นประธานกลุ่ม จี 77 สำหรับวาระปี 2559 โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า กลุ่ม จี 77 มีการพูดคุยเรื่องความยากจนและความยั่งยืน และขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ทำงานหนักทำให้ไทยได้รับเลือกในที่สุด การคัดเลือกจะเลือกจากประเทศที่มีประสบการณ์และประเทศที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลง ร่วมกันพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการพบกับนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เกียรติตนเองเช่นเดิม ขณะที่การพบกับนักธุรกิจสหรัฐฯ ได้ชี้แจงว่า ไทยกำลังปรับแก้กฎหมายและระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย ไม่อยากให้มองสถานการณ์ในประเทศขณะนี้เป็นข้อจำกัด โดยส่วนใหญ่เข้าใจและยืนยันจะร่วมลงทุนทางธุรกิจกับไทยต่อไป นอกจากนี้ ยังถือเป็นความสำเร็จที่การหารือกับผู้นำหลายประเทศ เห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยว ถือเป็นโอกาสในการเปิดตลาดที่สำคัญเพิ่มเติม ในอนาคตตต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นานาประเทศเชื่อมั่น และจับตาการขับเคลื่อนประเทศในไทย โดยรัฐบาลไทยจะดำเนินการทุกอย่างภายใต้ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมทั้งขอบคุณคนไทยทุกฝ่ายทั้งที่สนับหนุนและต่อต้านตน พร้อมยืนยัน ไม่ได้ห้ามใครวิพากวิจารณ์รัฐบาล แต่ต้องดูวัตถุประสงค์ว่าบริสุทธิ์ใจหรือไม่
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางออกจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เวลา 12.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 23.30 น.วันที่ 30 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย และจะเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 1 ตุลาคม เวลา 21.55 น.
ทั้งนี้ ตลอดช่วงการประชุม ได้ชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศที่ก้าวไปข้างหน้า ผ่านถ้อยแถลงในเวทีการพัฒนาประเทศ 2 เวทีใหญ่ และ 4 เวทีคู่ขนาน ทำให้ได้รับการตอบรับทั้งในด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งการสร้างสันติภาพร่วมกัน โดยนานาประเทศมีความเข้าใจไทยมากยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ นายกรับมนตรี ได้นำเสนอแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประเทศที่กำลังพัฒนาใช้เป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ เป็นตัวอย่างของความสำเร็จ นำไปสู่ได้ความไว้วางใจจากประเทศที่กำลังพัฒนาเลือกให้เป็นประธานกลุ่ม จี 77 สำหรับวาระปี 2559 โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า กลุ่ม จี 77 มีการพูดคุยเรื่องความยากจนและความยั่งยืน และขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ทำงานหนักทำให้ไทยได้รับเลือกในที่สุด การคัดเลือกจะเลือกจากประเทศที่มีประสบการณ์และประเทศที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลง ร่วมกันพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการพบกับนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เกียรติตนเองเช่นเดิม ขณะที่การพบกับนักธุรกิจสหรัฐฯ ได้ชี้แจงว่า ไทยกำลังปรับแก้กฎหมายและระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย ไม่อยากให้มองสถานการณ์ในประเทศขณะนี้เป็นข้อจำกัด โดยส่วนใหญ่เข้าใจและยืนยันจะร่วมลงทุนทางธุรกิจกับไทยต่อไป นอกจากนี้ ยังถือเป็นความสำเร็จที่การหารือกับผู้นำหลายประเทศ เห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยว ถือเป็นโอกาสในการเปิดตลาดที่สำคัญเพิ่มเติม ในอนาคตตต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นานาประเทศเชื่อมั่น และจับตาการขับเคลื่อนประเทศในไทย โดยรัฐบาลไทยจะดำเนินการทุกอย่างภายใต้ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมทั้งขอบคุณคนไทยทุกฝ่ายทั้งที่สนับหนุนและต่อต้านตน พร้อมยืนยัน ไม่ได้ห้ามใครวิพากวิจารณ์รัฐบาล แต่ต้องดูวัตถุประสงค์ว่าบริสุทธิ์ใจหรือไม่
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางออกจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เวลา 12.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 23.30 น.วันที่ 30 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย และจะเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 1 ตุลาคม เวลา 21.55 น.
