นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการเดินทางไปมอบนโยบายผู้บริหาร ขสมก. วันที่ 28 กันยายนี้ ว่า มีประเด็นที่ต้องติดตามหลายเรื่องทั้งการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีใหม่ ซึ่งขณะนี้รอการสรุปผลสอบสวนจากคณะกรรมการอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นหากไม่มีปัญหาขัดข้อง เชื่อว่าจะสามารถเร่งรัดการลงนามในสัญญาและรับมอบรถได้ โดยกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลยังตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถทยอยรับมอบรถเมล์เอ็นจีวีมาวิ่งให้บริการ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่คนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ส่วนแนวทางการจัดหารถเมล์เพิ่มอีก 2 พันคัน ซึ่งช่วงที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมมีผลการศึกษาเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่จะนำมาใช้กับรถเมล์โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้านั้น กระทรวงคมนาคมเห็นว่าสามารถจัดซื้อรถเมล์ใช้พลังงานไฟฟ้าตามแผนเดิม 500 คัน เพื่อนำมาวิ่งให้บริการ เบื้องต้นราคาจัดซื้ออาจจะสูง แต่เมื่อเทียบกับราคาพลังงานระยะยาวถือว่าคุ้มค่า
สำหรับภาระหนี้ ขสมก.ที่มีกว่า 90,000 ล้านบาทนั้น ยอมรับการแก้ปัญหาหนี้ ขสมก.ยากกว่าการแก้ปัญหาหนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจาก ขสมก. ไม่ได้มีทรัพย์สินที่ดินจำนวนมากเหมือน ร.ฟ.ท.ที่จะนำมาพัฒนาเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ ดังนั้น ขสมก.จำเป็นต้องปรับแนวทางการเดินรถ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อทยอยแก้ปัญหาภาระหนี้ที่มี โดยต้องปรับโครงสร้างบริหารการเดินรถใหม่ เนื่องจากมีเส้นทางเดินรถทับซ้อนเอกชน ทำให้รายได้ไม่เต็มที่ เอกชนประสบปัญหา จึงต้องนำมาศึกษาเส้นทางเดินใหม่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ทับซ้อนและสอดคล้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า หลังจากนี้จะพิจารณาประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง
นอกจากนี้ จะเร่งรัดการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ขสมก. เนื่องจากถือเป็นผู้นำองค์กรที่สำคัญ และว่างเว้นจากการมีผู้บริหารระดับสูงนานแล้ว
ส่วนแนวทางการจัดหารถเมล์เพิ่มอีก 2 พันคัน ซึ่งช่วงที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมมีผลการศึกษาเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่จะนำมาใช้กับรถเมล์โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้านั้น กระทรวงคมนาคมเห็นว่าสามารถจัดซื้อรถเมล์ใช้พลังงานไฟฟ้าตามแผนเดิม 500 คัน เพื่อนำมาวิ่งให้บริการ เบื้องต้นราคาจัดซื้ออาจจะสูง แต่เมื่อเทียบกับราคาพลังงานระยะยาวถือว่าคุ้มค่า
สำหรับภาระหนี้ ขสมก.ที่มีกว่า 90,000 ล้านบาทนั้น ยอมรับการแก้ปัญหาหนี้ ขสมก.ยากกว่าการแก้ปัญหาหนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจาก ขสมก. ไม่ได้มีทรัพย์สินที่ดินจำนวนมากเหมือน ร.ฟ.ท.ที่จะนำมาพัฒนาเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ ดังนั้น ขสมก.จำเป็นต้องปรับแนวทางการเดินรถ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อทยอยแก้ปัญหาภาระหนี้ที่มี โดยต้องปรับโครงสร้างบริหารการเดินรถใหม่ เนื่องจากมีเส้นทางเดินรถทับซ้อนเอกชน ทำให้รายได้ไม่เต็มที่ เอกชนประสบปัญหา จึงต้องนำมาศึกษาเส้นทางเดินใหม่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ทับซ้อนและสอดคล้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า หลังจากนี้จะพิจารณาประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง
นอกจากนี้ จะเร่งรัดการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ขสมก. เนื่องจากถือเป็นผู้นำองค์กรที่สำคัญ และว่างเว้นจากการมีผู้บริหารระดับสูงนานแล้ว
