นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา กรมชลประทาน เปิดเผยถึงการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ที่คาดว่าพายุดีเปรสชั่นจากเวียดนาม ที่จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยในวันที่ 16 ก.ย. จะส่งผลให้ช่วงวันที่ 16-18 กันยายน บริเวณพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน-ล่าง และภาคตะวันออกจะมีฝนตกต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ และมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก และเขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นคณะอนุกรรมการติดตาม และวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำจึงมีมติเตรียมลดการระบายน้ำจากเขื่อนลง โดยเขื่อนภูมิพลเหลือวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร จาก 4 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์เหลือ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร จากวันละ 9 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เหลือวันละ 0.9 ล้านลูกบาศก์เมตร จากวันละ 1.04 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เหลือวันละ 0.9 ล้านลูกบาศก์เมตร จากวันละ 1.06 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งลดอัตราการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาจาก 70 ลบ.ม.ต่อวินาที เหลือ 65 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่เย็นวันที่ 14 กันยายนเป็นต้นไป
ทั้งนี้ คาดว่าจะไม่กระทบต่อสภาพในแม่น้ำ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีฝนตก ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้นคณะอนุกรรมการติดตาม และวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำจึงมีมติเตรียมลดการระบายน้ำจากเขื่อนลง โดยเขื่อนภูมิพลเหลือวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร จาก 4 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์เหลือ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร จากวันละ 9 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เหลือวันละ 0.9 ล้านลูกบาศก์เมตร จากวันละ 1.04 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เหลือวันละ 0.9 ล้านลูกบาศก์เมตร จากวันละ 1.06 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งลดอัตราการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาจาก 70 ลบ.ม.ต่อวินาที เหลือ 65 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่เย็นวันที่ 14 กันยายนเป็นต้นไป
ทั้งนี้ คาดว่าจะไม่กระทบต่อสภาพในแม่น้ำ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีฝนตก ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองเพิ่มสูงขึ้น