xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 28 สิงหาคม 2558

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผมได้นำคณะรัฐมนตรีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งใหม่ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้นที่ 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งก็ถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นสิริมงคลแก่ผมและคณะรัฐมนตรีอย่างสูงสุด

ส่วนในเรื่องของการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็ปรับเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งในประเทศและสถานการณ์โลก ช่วงนี้ก็เป็นช่วงระยะที่ 2 ของรัฐบาลด้วย วันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ทั้งภายในประเทศด้วย ก็มีการผันผวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา ความมั่นคงด้วย ทั้งนี้การเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีของผมครั้งนี้นั้น ไม่หวังว่าจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมอะไรต่างๆ ทั้งสิ้นนะครับ ผมต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ และสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานของคณะรัฐมนตรีของเราทั้งในชุดที่ 1 และ 2 3 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ทุกอย่างทำต่อเนื่องมาโดยตลอด

ชุดที่ผ่านมานั้นก็เป็นผู้วางรากฐานทำงานท่ามกลางปัญหาข้อขัดแย้งมากมาย ได้มีการกำหนดนโยบายใหม่ๆ แก้ไขปัญหาเดิมที่ติดขัด นโยบายเร่งด่วนที่ผมได้กำหนดขึ้น และขณะนี้อยากให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้ เข้ามาขับเคลื่อนทำให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วขึ้น เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ภาคเอกชน รวมทั้งนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จะต้องมีการวางแผนการบริการที่ชัดเจน กำหนดระยะเวลา ที่จะได้ผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมนะครับ ในทุกมิติ ดูในเรื่องของความโปร่งใสมีประสิทธิภาพของการทำงาน ในเรื่องของโครงการทุกโครงการจะต้องปลอดจากการทุจริตนะครับ

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดนั้น ผมได้ย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลนี้ว่าเราจะไม่ยอมรับการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยเด็ดขาดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองชุดใหม่นี้ ผมกำชับคณะรัฐมนตรีทุกคนเน้นความรอบคอบ และระมัดระวังในเรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษา และตำแหน่งอื่นๆ จะต้องไม่มีข้าราชการนักการเมืองคนใดไปแอบอ้าง หรือกระทำการใดๆ ที่ส่อทางทุจริตเด็ดขาด รวมทั้งจะต้องวางบทบาทตนเองให้ถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะสั่งการแทนรัฐมนตรีไม่ได้นะครับ ไม่มีอำนาจในการสั่งการแทนรัฐมนตรี เพราะมีรัฐมนตรีช่วยกันอยู่แล้วนะครับ การทำงานของข้าราชการนั้น ต้องเป็นไปตามบังคับบัญชาเท่านั้น ไม่ต้องเอาตำแหน่งหน้าที่ไปแสวงผลประโยชน์ส่วนตัว สร้างความสำคัญไม่ได้ทั้งนั้น ข้าราชการการเมืองทุกคนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในกรอบกฎหมาย ระเบียบ กติกา และประพฤติตนตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองอย่างเคร่งครัด

นอกจากนั้น ผมยังย้ำให้ข้าราชการกระทรวงต่างๆ สร้างการปฏิรูปกับประชาชนให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนโยบายของรัฐที่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เช่น เรื่องพลังงาน โรงไฟฟ้า โรงงานกำจัดขยะ และอื่นๆ อีกมากมาย การปรับครั้งนี้ก็อยากให้มองว่า ไม่ใช่ว่าเราต้องการอำนาจ เพียงแต่ต้องอยู่ในกลุ่มงานที่เหมาะสม ทหารจะอยู่ตรงไหน พลเรือนจะอยู่ตรงไหน ให้เหมาะสมกับระยะที่ 2 ในระยะที่ 1 เราจะเน้นเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก ขณะนี้ก็มีเสถียรภาพพอสมควรแล้ว เมื่อเริ่มต้นไปแล้ว ชุดต่อไปก็จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาทำงานต่อ มีการปรับปรุง พัฒนา ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจจะมีผลกระทบ ในขณะนี้ก็คือเรื่องของการหมุนเวียนที่จำเป็นต้องปรับออกไปบ้าง ก็ไม่ได้ด้วยความขัดแย้ง หรืออย่างอื่น ยังให้ความเคารพอยู่เสมอ และพร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาของท่านเหล่านั้น เพราะท่านทำงานกับผมในระยะแรกเป็นที่น่าพอใจ ผ่านมานั้นต้องแก้ทั้งปัญหา แก้ทั้งกฎหมาย กระบวนการบริหารจัดการทั้งหมดที่มันวุ่นวายสับสนอยู่ การจัดระเบียบข้าราชการ ซึ่งอาจจะทำให้สังคม หรือประชาชนส่วนหนึ่งมีความรู้สึกว่าช้า ไม่ทันการ รัฐบาลนี้มีอำนาจเยอะแยะทำไมทำช้า ไม่ทันใจขอให้เข้าใจด้วย เราไม่สามารถจะทำทุกอย่างให้รวดเร็วโดยที่ไม่มีการไตร่ตรองหรือใคร่ครวญให้ดีที่สุด ไม่งั้นมันจะเกิดปัญหาในห้วงต่อไป

ระยะแรกนั้น การปฏิรูปเป็นเชิงโครงสร้าง การปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่ออนาคตนั้นได้เริ่มมาพอสมควร คราวนี้เป็นระยะต่อไปที่จะต้องเดินหน้าต่อ รวมทั้งเรื่องของการปฏิรูป ซึ่งจะต้องนำแนวทางของ สปช.มาศึกษาดู อะไรทำได้เราก็จะทำไปเลย

ทั้งนี้ จะต้องแบ่งระยะให้ถูกต้อง กำหนดผู้กระทำ ความรับผิดชอบ ในช่วงที่ 2 ที่ผ่านมาก็ทำไปบ้างแล้ว วันนี้ ครม.ใหม่เข้ามาก็กำลังทำต่อ เพราะฉะนั้นบางอย่างทำได้เลยก็ทำไปแล้ว บางอย่างที่กำลังเริ่มก็เริ่มอยู่ พูดหลายครั้งแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นบางอย่างก็มีการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งมันจะต้องชัดเจนใน สนช. ผ่านคณะกรรมาธิการ 3 คณะด้วยกันกว่าจะออกมาเป็นกฎหมายได้ อะไรที่มันจำเป็นผมก็ใช้มาตรา 44 ไปก่อน แต่กฎหมายที่จะออกตามมาก็ทำนองเดียวกันนะครับ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เป็นไปตามกฎระเบียบ

ในเรื่องของการปฏิรูปการทำงานของรัฐบาลนั้น วันนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อจะบูรณาการการทำงานร่วมกันให้ได้ในทุกกระทรวง ในกระทรวงตัวเองก็ต้องเป็นเรื่องของทุกกรม ไม่แบ่งเป็นพรรคเป็นฝ่ายแบบที่เคยเป็นมาในอดีตนะครับ มีการจัดสรรแบ่งงบประมาณแยกไปทำกันเอง อย่างนั้นไม่ได้นะครับ เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำให้เกิดการบูรณาการให้ได้ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าปฏิรูปเหมือนกัน ไม่มีการทำงานซ้ำซ้อน ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ หากทำไม่ได้ การบูรณาการทำไม่ได้จริง มันจะทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก มันไม่จำเป็นนะครับ ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่มันทั่วถึง

เพราะฉะนั้นต้องเชื่อมโยงให้ได้ทั้งในส่วนของการประสานงานระหว่างกระทรวง การประชุมร่วมกันในเรื่องของความเชื่อมโยงทางระบบคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูลต่างๆ ต้องใช้ร่วมกันทั้งหมด ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างทำมันไปไม่ได้

ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ วันนี้ใช้คณะทำงานจากทุกกระทรวงนะครับ เดิมตั้ง คสช.มีผู้รับผิดชอบเป็นทหาร วันนี้ใช้คณะทำงานของรัฐบาล มีรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีผู้แทนของทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนะครับ ส่วนของงานแต่ละกลุ่มงานนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานตามลูทีน ตามฟังก์ชั่น ก็เป็นการทำงานของรัฐบาลปกติอยู่แล้ว ในส่วนนโยบายเร่งด่วน นโยบายใหม่ๆ นะครับ จะมอบให้รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเรื่องนั้นๆ ในการกำกับดูแลส่วนรวม ในเรื่องกระบวนการจัดซื้อจัดหาต่างๆ นั้น ผมเร่งรัดให้เร็วขึ้น ที่ผ่านมามันไม่ค่อยชัดเจน วันนี้ต้องแก้ไขทั้งหมด ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสรวดเร็ว มีการตรวจสอบ บางโครงการที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมีการเอาหน่วยงานภายนอกมาตรวจสอบด้วย ต่างประเทศเอาเข้ามาด้วย เพราะฉะนั้น ต้องมีการประสานงานระหว่างส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง หลังจากที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีไปแล้ว ก็ขอกรุณารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี กรุณาให้ทำความเข้าใจกับสื่อด้วยนะครับ เพราะผมเองก็เป็นกังวลหลายอย่าง เดี๋ยวจะไม่เข้าใจกันอีกในส่วนของสื่อสังคม

เพราะฉะนั้น ในภาพรวมผมรับผิดชอบแต่ผู้เดียว ในเรื่องการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีใดก็ตาม รองท่านใดก็ตาม การตัดสินใจ ความผิดชอบอยู่ที่ผม สิ่งใดก็ตามที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ท่านคิด ท่านก็บอกผมมาแค่นั้นเอง ผมเป็นผู้กำหนดนโยบาย และต้องขับเคลื่อนทุกกระทรวงไปพร้อมกันนั้น รองนายกรัฐมนตรีทุกกระทรวงต้องขับเคลื่อนให้ผม ร่วมกับรัฐมนตรีแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ จากนั้นจะส่งไปยังข้าราชการที่อยู่ข้างล่างเป็นผู้ปฏิบัติ วันนี้ก็เน้นหนักในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องมาดูแลข้างล่างในพื้นที่ให้ชัดเจนขึ้น ฉะนั้นปัญหาในช่วงที่ผ่านมานั้นก็คือ เริ่มต้นแล้ว การขับเคลื่อนยังเป็นไปได้อย่างช้าอยู่ ไม่รวดเร็ว ทุกกลุ่มงานต้องทำให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือข้าราชการ ประชาชน ที่มีส่วนร่วมกัน แต่สำคัญก็คือ หลายอย่างยังคงติดอยู่กับปัญหาเก่าๆ เหมือนกับเราติดกับดักตัวเอง ติดกับดักเรื่องกฎหมาย ติดกับดักเรื่องความคิด ความไม่เข้าใจ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ความไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่ายก็ต้องปรับเข้าหากัน ทั้งรัฐบาล ราชการ ประชาชน เราจะต้องลดปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ ทั้งในส่วนของการทำงานของรัฐบาล ในส่วนของประชาชน มีส่วนร่วมให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้น ว่าควรจะทำยังไง ตรงไหน ให้มันเดินหน้าไปได้แล้วกัน ไม่งั้นผลประโยชน์ชาติโดยรวมมันก็ไม่เกิดขึ้น ประชาชนก็เดือดร้อนเหมือนเดิม

ในเรื่องของการเดินหน้าเศรษฐกิจระยะต่อไปนั้น ผมทราบดีว่าประชาชนมีความเป็นห่วง สถานการณ์ด้านการข่าว หรือเสพจากสื่ออะไรก็แล้วแต่ แล้วก็กังวลในสภาพเศรษฐกิจในช่วงนี้ หลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ก็ย่อมจะได้รับผลกระทบไปด้วยจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน หรือทางยุโรป ทางสหรัฐฯ อะไรก็แล้ว ก็มีปัญหากันพอสมควร ปัจจัยภายในประเทศของเราก็เกษตรกรต้องประสบกับปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจขณะนี้ก็อาจจะนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่น มีผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศ เกิดการชะลอตัวอะไรทำนองนี้ ผมอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นนะครับ ในพื้นฐานและศักยภาพของประเทศไทยที่ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะเร่งเข้าไปแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ เหล่านั้น วางรากฐานทางอนาคต ประคองเศรษฐกิจให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้ และก้าวไปได้อย่างมั่นคง รัฐบาลมีนโยบายที่จะดูแลสภาพเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบนะครับ ได้แบ่งการขับเคลื่อนเป็น 5 กลุ่มภารกิจหลัก ที่ต้องขับเคลื่อนสัมพันธ์ไปด้วยกันให้เกิดเป็นรูปธรรม

ภารกิจที่ 1 จะเป็นการดูแลช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร และประชาชนผู้มีรายได้น้อย ผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากนะครับตั้งแต่ต้นแล้ว เพื่อประคองให้เขาผ่านพ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้ไปได้ด้วยดี

กลุ่มภารกิจที่ 2 คือการดูแลเศรษฐกิจท้องถิ่น และภูมิภาคให้เข้มแข็ง ที่ผ่านมานั้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอิงกับภาคต่างประเทศอย่างเช่น การส่งออกค่อนข้างมาก เราต้องปรับสมดุลนะครับ สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจจากภายใน โดยจะเน้นที่การเจริญเติบโตในท้องถิ่น ภูมิภาค การพัฒนา 76 จังหวัดให้มีความเข้มแข็ง สิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานหลักนะครับที่จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศหมุนเวียน และขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว การทำกิจกรรมเพื่อสังคม การผลิตสินค้าโอท็อป เพื่อจะสร้างความเข้มเเข็งให้กับวิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ รวมไปถึงการส่งเสริมตลาดนัดชุมชนด้วย

กลุ่มภารกิจที่ 3 จะมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพสินค้า ผ่านการส่งเสริมการแปรรูป การทำ Packaging ให้สินค้าการเกษตร ผลิตภัณฑ์ของเอสเอ็มอี หรือแม้แต่สินค้าอุตสาหกรรมที่ต้องมีการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ต้องมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนผู้ผลิตสินค้าและจะช่วยให้เราสามารถแข่งขันกับสินค้าต่างประเทศได้ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่นให้ตรงกับความต้องการเพิ่มขีดความสามารถ องค์กรความรู้ ให้กับแรงงาน ทั้งในภาคเอกชน และภาคบริการ

กลุ่มภารกิจที่ 4 จะเป็นการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ เพิ่มการวางรากฐานอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจจะทำให้เร่งการเจริญเติบโตของเรานั้นไปสู่ภูมิภาคด้วย และภายในประเทศด้วยให้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะมีการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมคลัสเตอร์(Cluster)ที่ควรจะส่งเสริมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งการลงทุนนี้จะสัมพันธ์กับการพัฒนาท้องถิ่น ที่จะต้องดำเนินการคู่ขนานกันไป

กลุ่มภารกิจที่ 5 ด้านการต่างประเทศ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้า การลงทุนระหว่างกัน และการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผมเองนั้นอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่า รัฐบาลตั้งใจอย่างเต็มที่ ทั้งหมดนั้นที่กล่าวมาจะต้องเป็นไปอย่างมีธรรมาภิบาล และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน เป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หรือการวางรากฐานเพื่ออนาคต ที่จะมุ่งสู่การลงทุนในภูมิภาค และท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้ทุกจังหวัด 76 จังหวัดนะครับ เพราะเมื่อท้องถิ่นเข้มแข็ง ทุกจังหวัดเข้มแข็ง ความเหลื่อมล้ำจะลดลง ประเทศย่อมเจริญเติบโตไปด้วยความมั่นคงยั่งยืนด้วยตนเอง ผมแค่อยากให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล ทั้งช่วงที่ผ่านมา และช่วงนี้ และเชื่อมั่นในศักยภาพในประเทศไทยของเรานะครับ และร่วมมือร่วมใจพัฒนาประเทศไปด้วยกันนะครับ ในเรื่องความมั่นคง การเฝ้าระวังนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับ จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ผมและรัฐบาลแสดงความเสียใจ และขอบคุณพี่น้องประชาชนอีกครั้งนะครับที่ให้ความร่วมมือ ร่วมกันออกมาแสดงพลังความสามัคคีต่อไป ก็ยังเป็นหน้าที่พวกเราทุกคนนะครับที่ต้องช่วยกันนำพาประเทศไทยของเราให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต่อนักท่องเที่ยว การประชาสัมพันธ์สิ่งดีๆ ของประเทศเรา หรือการสร้างความเชื่อมั่นกับชาวต่างประเทศให้กลับมาทุกคนมีส่วนร่วม มีความสามารถทำได้

สำหรับภาคเอกชน บริษัท ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รวมทั้งร้านค้าทั่วๆ ไปนะครับ ท่านสามารถช่วยรัฐบาลได้ โดยการติดตั้งเพิ่มจำนวน หรือเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์เฝ้าระวัง เช่น กล้องซีซีทีวี ตามพื้นที่ต่างๆ นะครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ในการติดตามคนร้ายที่มีความคืบหน้าตามลำดับ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการทำงานด้วยนะครับ

สำหรับกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์ ไบค์ ฟอร์ มัม ปั่นเพื่อแม่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมานั้น มีประชาชนทั่วประเทศ ภาครัฐ ภาคเอกชน ข้าราชการ คนพิการ นักกีฬา คนในวงการบันเทิง เด็ก ผู้ใหญ่ คนมีอายุ มาขี่กันหมดเลยนะครับ ทุกวงการออกมาร่วมแสดงความจงรักภักดี และพลังแห่งความสามัคคีหลายแสนคน ได้สร้างแรงบันดาลใจให้มือใหม่หัดปั่น และคนที่ไม่เคยปั่น ไม่เคยขี่จักรยานมาก่อนเลย หันมาสนใจมากขึ้น ธุรกิจปั่นจักรยานก็ดีขึ้น การท่องเที่ยวอะไรต่างๆ ในชนบทต่างๆ ก็ดีขึ้น มีการปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ก็อยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกัน รักษากระแสในเรื่องของการปั่นจักรยาน ขี่จักรยานต่อไป เพื่อเป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เพื่อพบปะสังสรรค์ร่วมกัน เป็นครอบครัว เป็นสังคมเล็กๆ ได้ ถ้าเป็นจักรยานมันมีโอกาสคุยกัน ได้ยินเสียงกัน ขี่กันไป คุยกันไป แต่ก็ต้องระวังรถนะ ให้ปลอดภัยก็แล้วกัน อย่าให้มีอุบัติเหตุ ก็ขอให้เป็นจุดเริ่มต้น และก็เป็นแรงบันดาลใจให้ทำต่อไป ให้สม่ำเสมอ ใครทำอยู่แล้วก็ช่วยกัน ชักชวนเพื่อนฝูง พี่น้อง มาเพิ่มสมาชิกให้มากขึ้น รัฐบาลเองก็อยากจะเห็นการขยายผลอย่างต่อเนื่อง ต้องการให้มีการรณรงค์ ความสำคัญของการออกกำลังกาย สำหรับการขยายถนนและจัดสรรให้มีเลนจักรยานนั้นก็เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสออกกำลังกาย ก็ต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย ก็ต้องช่วยกันกระตุ้นให้สังคมมีความเข้าใจถึงกฎระเบียบต่างๆ ผมเห็นคนขับรถบางครั้งก็ไม่ค่อยเกรงใจ เห็นจักรยานมา บางทีก็แกล้งกันบ้าง อะไรกันบ้าง มันไม่ใช่นะ ผมว่ามันต้องดูแลซึ่งกันและกัน การใช้ท้องถนนต้องใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะรถ จักรยานยนต์ หรือจักรยาน คนเดินถนน เพราะทุกคนเป็นเจ้าของทั้งสิ้น

ในส่วนของสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้น มันก็ทำให้เราลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการสาธารณสุขลงไป ในเรื่องของการรักษาพยาบาล ถ้าเราป้องกันตัวเอง รู้ตัวเอง มันก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดสุขภาพย่ำแย่ไป หลายอย่างผมก็เตือนไปแล้ว เรื่องการสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า อะไรต่างๆ เหล่านี้ ต้องลด ละ เลิก เพื่อจะให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ วันนี้ประเทศเราก็ค่อนข้างได้เปรียบ เรามีป่าเขา เรามีพื้นที่ชายทะเล เรามีชนบท มากมาย ที่พร้อมที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ก็อยากจะให้เร่งเพิ่มนักท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ได้อีกด้วย วันนี้ก็เป็นสิ่งที่นิยมกันทั่วโลก การปีนเขา การไต่เขา การเดินป่า อะไรต่างๆ เหล่านี้ ผมคิดว่าเราทำได้ทั้งหมด แต่ต้องให้ปลอดภัยก็แล้วกัน

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็จะช่วยกันดำเนินการผลักดัน ทั้งเรื่องเส้นทางจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวจำนวน 13 เส้นทาง 13 จังหวัดของภาคกลาง เชื่อมโยงกันยังไง จะไปสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง นอกจากนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็จะสนับสนุนให้แต่ละจังหวัดขับเคลื่อนการพัฒนาเส้นทางจักรยานมากขึ้น ก็มีหลายจังหวัดทำไปแล้ว แต่ก็ต้องพัฒนาให้มันดีขึ้น ก็อย่าให้มีเรื่องร้องเรียนอีกก็แล้วกัน ผมเห็นบางจังหวัดก็ถูกร้องเรียนมาแล้ว คงต้องตรวจสอบนะ ทำให้มันโปร่งใส ตั้งใจดี แต่อย่าให้มันเสียหายก็แล้วกัน ทำอะไรก็ให้มันดี ช่วงนี้ต้องเป็นอย่างนั้นนะ

เพราะฉะนั้นในส่วนของการใช้ประโยชน์ถนน เส้นทาง อย่างที่ผมเรียนแล้ว ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยกัน ดูแลกัน อย่าให้เกิดขึ้นอีก เสียใจกันทั้งครอบครัว ทั้งประเทศชาติ กรณีถ้าเป็นชาวต่างประเทศ เสียมาถึงประเทศไทย การขี่จักรยาน ต่อไปคงไม่ให้เกิดขึ้นนะ ต้องช่วยกัน

สุดท้ายนี้ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายต่างๆ กำลังจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 12 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิชาการและขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์ในทุกระดับ รวมถึงเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทยที่เรามีอยู่แล้ว งานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กันยายนนี้ ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยและพัฒนาที่จะทำให้ทรัพยากรสมุนไพรของไทยที่มีอยู่จำนวนมาก รวมความถึงภูมิปัญญาของไทย หมอแพทย์แผนไทยเหล่านี้ ไปสู่ตลาดสากล ผมก็ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน ทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ ไปร่วมงานดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย และภูมิปัญญาท้องถิ่นของพี่น้องคนไทยกันเองด้วย ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขวันหยุดสุดสัปดาห์ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น