ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 350 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจทั่วโลกอาจชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,990.69 จุด ร่วงลง 358.04 จุด หรือ -2.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,877.49 จุด ดิ่งลง 141.56 จุด หรือ -2.82% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,035.73 จุด ลดลง 43.88 จุด หรือ -2.11%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระหน่ำขายเมื่อวานนี้ รวมตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นจีน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดิ่งลง 3.42% เมื่อวานนี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินทุนไหลออก หลังจากที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวนจนเป็นเหตุให้สกุลเงินหยวนอ่อนค่าลง ขณะที่มาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางจีนเมื่อวานนี้ ก็ไม่สามารถสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนได้
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศมูลค่า 1.20 แสนล้านหยวน หรือ 1.877 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ซึ่งนับเป็นวงเงินสูงสุดในรอบเกือบ 19 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.2557
การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกได้สกัดปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2% สู่ระดับ 5.59 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับในรอบกว่า 8 ปี
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 25.3 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ระดับ 1,153.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรายงานการประชุมของเฟดบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ เฟดยังได้แสดงความกังวลต่อปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้แก่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ ปิดที่ 41.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ลดลง 54 เซนต์ ปิดที่ 46.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากที่รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนในเรื่องเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,990.69 จุด ร่วงลง 358.04 จุด หรือ -2.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,877.49 จุด ดิ่งลง 141.56 จุด หรือ -2.82% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,035.73 จุด ลดลง 43.88 จุด หรือ -2.11%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระหน่ำขายเมื่อวานนี้ รวมตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นจีน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดิ่งลง 3.42% เมื่อวานนี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินทุนไหลออก หลังจากที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวนจนเป็นเหตุให้สกุลเงินหยวนอ่อนค่าลง ขณะที่มาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางจีนเมื่อวานนี้ ก็ไม่สามารถสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนได้
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศมูลค่า 1.20 แสนล้านหยวน หรือ 1.877 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ซึ่งนับเป็นวงเงินสูงสุดในรอบเกือบ 19 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.2557
การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกได้สกัดปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2% สู่ระดับ 5.59 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับในรอบกว่า 8 ปี
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 25.3 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ระดับ 1,153.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรายงานการประชุมของเฟดบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ เฟดยังได้แสดงความกังวลต่อปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้แก่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ ปิดที่ 41.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ลดลง 54 เซนต์ ปิดที่ 46.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากที่รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนในเรื่องเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย