บลจ.กสิกรไทยเผยปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้นไทย หลังเศรษฐกิจไทยชะลอตัว โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุวางระเบิดที่ราชประสงค์ก็ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ล่าสุดปรับเป้าหมายดัชนี SET เหลือ 1,400-1,450 จุด
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับกรณีการวางระเบิดบริเวณราชประสงค์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลดลงรุนแรงเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ล่าสุด (ณ 19 ส.ค. 58) ปิดตลาดครึ่งเช้าอยู่ที่ 1,378.04 จุด โดยปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5.43 จุด หรือประมาณ 0.40% ทั้งนี้ ภายหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าว หุ้นที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างสูงคือหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว เช่น กลุ่มโรงแรม การบินและขนส่ง โดยปรับตัวลดลงที่ประมาณ 7-10%
ในขณะที่ตลาดโดยรวมปรับลดลงประมาณ 2.56% ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 0.70% มาอยู่ที่ 35.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ณ 18 ส.ค. 58) จากความตื่นตระหนกของตลาด อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินบาทยังไม่น่ากังวลนัก เนื่องจากเป็นไปในทิศทางเดียวกับการอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยได้ปรับลดประมาณการดัชนีหุ้นไทยปลายปีลงมาอยู่ในช่วง 1,400-1,450 จุด เนื่องจากมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตได้ช้ากว่าที่คาด โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ ทั้งนี้ คงต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วแค่ไหนเพื่อประเมินผลกระทบในระยะต่อไป
“ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีความผันผวนเนื่องจากขาดปัจจัยบวก ประกอบกับผลกระทบของเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวต่อกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และเป็นหนึ่งในปัจจัยเศรษฐกิจเพียงไม่กี่ปัจจัยที่ยังขยายตัวได้ตั้งแต่ต้นปี การที่หลายประเทศออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในการเดินทางมายังไทย รวมถึงการปรับลดค่าเงินหยวนของจีนในสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ดังนั้น จากนี้ไปภาครัฐจะต้องมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบในประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมา ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในระยะต่อไป” นางสาวธิดาศิริกล่าว
ทั้งนี้ ทางผู้จัดการกองทุนของ บลจ.กสิกรไทยได้มีการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมีการปรับพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์ที่เหมาะสม และมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับคำแนะนำแก่ผู้ลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนระยะสั้นที่สามารถรับความผันผวนได้ค่อนข้างจำกัดยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนเพิ่มเติม และควรรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักลงทุนระยะกลางถึงยาวตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปที่สามารถรับความผันผวนได้ค่อนข้างสูงอาจมีการทยอยเข้าซื้อได้ โดยมองว่าในระยะกลางถึงยาวตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ ด้วยระดับราคาปัจจุบันที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว และโอกาสปรับลดลงไปมากกว่านี้มีอยู่จำกัด ทั้งนี้ หากภาครัฐสามารถเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณได้เต็มที่ และสามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้ น่าจะทำให้ภาพรวมในระยะยาวยังคงมีโอกาสเติบโตได้