“ขุนคลัง” ไม่หวั่นสงครามค่าเงิน ยันทุนสำรองแกร่ง เผยข่าวปรับ ครม. กระทบตลาดหุ้นร่วงต่อเนื่อง

“รมว.คลัง” เผยสถานการณ์จีนลดค่าเงินหยวน ยังไม่น่าเป็นห่วง หากเกิดภาวะความผันผวน ยันมีทุนสำรองสูงถึง 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มั่นใจแข็งแกร่งเพียงพอรับมือความผันผวนได้ ย้ำกระทบค่าเงินบาทน้อย เมื่อเทียบกับภูมิภาค พร้อมยอมรับข่าวปรับ ครม. กระทบตลาดหุ้นร่วงต่อเนื่อง แนะสร้างความเชื่อมั่น และชัดเจนให้นักลงทุน

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีจีนใช้นโยบายปรับค่าเงินหยวนลดลงร้อยละ 4.7 ใน 3 วันที่ผ่านมา โดยมองว่า จีนเป็นประเทศที่มีการส่งออก และนำเข้าอันดับ 2 ของโลก การที่ประเทศใหญ่ขยับตัวก็ย่อมมีผลกระทบกับประเทศขนาดเล็ก ซึ่งการลดค่าเงินหยวนครั้งนี้ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างค่าเงินหยวนกับสหรัฐฯ เนื่องจากจีนยังมีข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายการเงิน จึงต้องเลือกวิธีการลดค่าเงิน

ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว ซึ่งทางผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันว่า ไม่น่าเป็นห่วง และสามารถดูแลได้ เนื่องจากมีเงินทุนสำรองสูงถึง 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองรับความผันผวนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นได้

สำหรับผลกระทบด้านการส่งออกของไทยนั้น คงมีไม่มาก เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งไปจีนเป็นปัจจัยการผลิต เช่น เม็ดพลาสติก ยางพารา ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภค โดยมองว่าการลดค่าเงินหยวนไทยจะได้ประโยชน์มากกว่า ด้านการท่องเที่ยวเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบมาก แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยถึง 4.6 ล้านคน แต่เชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจจีนดีขึ้นจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น

นายสมหมาย กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนครั้งนี้ส่งผลกับไทยน้อยกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงประมาณร้อยละ 0.25 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินรูเปียะห์ของอินโดนีเซียอ่อนค่าลงร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินริงกิตของมาเลเซียร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นร่วงอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าควรเร่งสร้างความเชื่อมั่น และชัดเจนให้กับนักลงทุน และชาวต่างชาติ