ASTVผู้จัดการรายวัน - "สมหมาย" วิเคราะห์จีนลดค่าเงินหยวน 3 ครั้งไม่กระทบ! ระบุต่อไปหากจีนฟื้นไทยจะดีขึ้นด้วย อ้างข่าวปรับ ครม.กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ด้านแบงก์ชาติเผยตลาดเงินในประเทศ เคลื่อนไหวสอดคล้องภูมิภาค ไม่พบธุรกรรมผิดปกติ
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารจีนปรับลดค่าเงินหยวนว่า จะไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย และยังถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากขึ้น แม้ว่าการส่งออกของไทย อาจจะเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประเทศอื่นร้อยละ 2 แต่มั่นใจว่าจะสามารถต่อสู้กับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก ประเทศไทย อยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างและยังคงมีสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
"ถือว่าไทยค่อนข้างโชคดี เนื่องจากสินค้าที่ส่งไปจำหน่วยยังประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นปัจจัยการผลิต อันดับแรก คือ เม็ดพลาสติก ยางพารา เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หากการลดค่าเงินหยวนเพื่อหวังกระตุ้นการส่งออกของจีนเป็นหลัก เมื่อการส่งออกของจีนดีขึ้นก็จะทำให้การส่งออกสินค้าวัตถุดิบของไทยไปยังจีนได้รับประโยชน์ด้วย" นายสมหมายกล่าวและว่า ด้านการท่องเที่ยวนั้น ก็เชื่อว่าจะกระทบกับไทยไม่มากเช่นกัน แม้ว่าในปี 57 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาในไทยถึง 4.6 ล้านคน แต่มาจากคนจีนที่มีพาสปอร์ตแค่ 5%ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น หากจากนี้ไปชาวจีนสามารถทำพาสปอร์ตได้เพิ่มขึ้น ก็คงจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มอีกอย่างแน่นอน
นายสมหมายกล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะสามารถดูแลเสถียรภาพค่าเงินรวมไปถึงอัตราแลกเปลี่ยนให้สามารถอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่า นักลงทุนยังคงขาดความเชื่อมั่น แม้อยากจะลงทุนในประเทศไทยซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเอง จะต้องมีความเด็ดขาดในการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงการดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมาลงทุนในประเทศไทย เพราะถือว่าเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเป็นแหล่งที่น่าลงทุน
ด้านนายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่จีนได้ประกาศกำหนดค่าเงินหยวนที่อ่อนลงเทียบกับเงินดอลลาร์ว่า ธปท. ได้ติดตามพัฒนาการตลาดการเงินในประเทศอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่พบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ ตลาดการเงินในประเทศเคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดการเงินในภูมิภาค
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายจิรเทพกล่าวว่า ปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในโลก ดังนั้นผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินในขณะนี้..
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารจีนปรับลดค่าเงินหยวนว่า จะไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย และยังถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากขึ้น แม้ว่าการส่งออกของไทย อาจจะเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประเทศอื่นร้อยละ 2 แต่มั่นใจว่าจะสามารถต่อสู้กับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก ประเทศไทย อยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างและยังคงมีสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
"ถือว่าไทยค่อนข้างโชคดี เนื่องจากสินค้าที่ส่งไปจำหน่วยยังประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นปัจจัยการผลิต อันดับแรก คือ เม็ดพลาสติก ยางพารา เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หากการลดค่าเงินหยวนเพื่อหวังกระตุ้นการส่งออกของจีนเป็นหลัก เมื่อการส่งออกของจีนดีขึ้นก็จะทำให้การส่งออกสินค้าวัตถุดิบของไทยไปยังจีนได้รับประโยชน์ด้วย" นายสมหมายกล่าวและว่า ด้านการท่องเที่ยวนั้น ก็เชื่อว่าจะกระทบกับไทยไม่มากเช่นกัน แม้ว่าในปี 57 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาในไทยถึง 4.6 ล้านคน แต่มาจากคนจีนที่มีพาสปอร์ตแค่ 5%ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น หากจากนี้ไปชาวจีนสามารถทำพาสปอร์ตได้เพิ่มขึ้น ก็คงจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มอีกอย่างแน่นอน
นายสมหมายกล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะสามารถดูแลเสถียรภาพค่าเงินรวมไปถึงอัตราแลกเปลี่ยนให้สามารถอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่า นักลงทุนยังคงขาดความเชื่อมั่น แม้อยากจะลงทุนในประเทศไทยซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเอง จะต้องมีความเด็ดขาดในการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงการดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมาลงทุนในประเทศไทย เพราะถือว่าเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเป็นแหล่งที่น่าลงทุน
ด้านนายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่จีนได้ประกาศกำหนดค่าเงินหยวนที่อ่อนลงเทียบกับเงินดอลลาร์ว่า ธปท. ได้ติดตามพัฒนาการตลาดการเงินในประเทศอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่พบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ ตลาดการเงินในประเทศเคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดการเงินในภูมิภาค
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายจิรเทพกล่าวว่า ปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในโลก ดังนั้นผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินในขณะนี้..