พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เสนอให้ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวแก้ปัญหาเยาวชนแข่งรถในทางสาธารณะ ว่ากำลังพิจารณาอยู่ว่ากฎหมายปกติที่มีอยู่ในขณะนี้ เพียงพอหรือไม่ ซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องดังกล่าวนั้นมีการปล่อยปะละเลยจนกลายเป็นค่านิยมในการฝ่าฝืนกฎหมาย อย่างไรก็ตามเข้าใจดีว่าผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นเด็ก และยังพบว่าเด็กที่แข่งรถในทางสาธารณะที่ผิดกฎหมายนั้น อยู่นอกระบบการศึกษาอยู่ประมาณ ร้อยละ 40 หรือไม่ได้เรียนหนังสือ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขปัญหา แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดสนามแข่งรถรองรับเยาวชน ที่แข่งรถในทางสาธารณะ แต่จะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างเช่นที่ครอบครัวเป็นต้น นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า หากไปมุ่งหวังแก้ปัญหาด้วยมาตรการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียวนั้น จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงแก้ปัญหาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญต้องใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การแก้ไขปัญหาเด็กแว้น ได้เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แล้วว่า คงต้องใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 57 ที่จะออกเป็นประกาศ คสช. เพื่อแก้ไขปัญหา เพราะถ้าออกเป็นพระราชบัญญัติจะไม่ทัน ต้องใช้เวลา 3-4 เดือน หากใช้มาตรา 44 จะสามารถจัดการได้ตั้งแต่ขั้นเตรียมการแข่งรถ และสามารถยึดรถได้ทันที ซึ่งในสัปดาห์หน้า จะเร่งร่างประกาศให้แล้วเสร็จ ขณะที่นายกฯ เองเข้าใจ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เพราะชาวบ้านร้องเรียนมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สมัยที่ตนรับผิดชอบอยู่ที่ คสช. ให้จัดการ
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า จะดูพื้นฐานทั้งหมด และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย ไปสำรวจจำนวนเยาวชน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเยาวชนเหล่านี้ไม่อยู่สถานศึกษา แม้จะยาก แต่ก็ต้องทำ อีกทั้งให้แต่ละจังหวัดไปสำรวจดูสนามที่ว่าง เพื่อให้เยาวชนที่ชอบนอนตี 2 ตี 3 ไปเล่นกีฬาชนิดอื่นแทน ซึ่งจะต้องเป็นสนามที่ไม่ใกล้กับชุมชน เราไม่ได้คิดที่จะใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว เพราะหากออกกฎหมายมาแล้วคนไม่ทำก็ทำไม่ได้ ต้องใช้จิตวิทยาเข้าช่วยด้วย โดย ดึงกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าฟื้นฟู แค่เอามาปรับเพื่อกำราบ ส่วนร้านค้าตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่เห็นแก่สังคมก็ต้องสั่งปิด และยึด ขณะที่มาตรการลงโทษผู้ปกครองตนก็ไม่อยากจะใช้ แต่ถึงเวลานี้พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมแล้วจริงๆ ครั้งแรกไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร แต่ถ้ามีครั้งที่สองก็ต้องใช้กฎหมายบังคับ เพราะถือว่ามีการแจ้งเตือนแล้ว ซึ่งทุกหน่วยงานต้องเข้มข้น
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การแก้ไขปัญหาเด็กแว้น ได้เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แล้วว่า คงต้องใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 57 ที่จะออกเป็นประกาศ คสช. เพื่อแก้ไขปัญหา เพราะถ้าออกเป็นพระราชบัญญัติจะไม่ทัน ต้องใช้เวลา 3-4 เดือน หากใช้มาตรา 44 จะสามารถจัดการได้ตั้งแต่ขั้นเตรียมการแข่งรถ และสามารถยึดรถได้ทันที ซึ่งในสัปดาห์หน้า จะเร่งร่างประกาศให้แล้วเสร็จ ขณะที่นายกฯ เองเข้าใจ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เพราะชาวบ้านร้องเรียนมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สมัยที่ตนรับผิดชอบอยู่ที่ คสช. ให้จัดการ
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า จะดูพื้นฐานทั้งหมด และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย ไปสำรวจจำนวนเยาวชน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเยาวชนเหล่านี้ไม่อยู่สถานศึกษา แม้จะยาก แต่ก็ต้องทำ อีกทั้งให้แต่ละจังหวัดไปสำรวจดูสนามที่ว่าง เพื่อให้เยาวชนที่ชอบนอนตี 2 ตี 3 ไปเล่นกีฬาชนิดอื่นแทน ซึ่งจะต้องเป็นสนามที่ไม่ใกล้กับชุมชน เราไม่ได้คิดที่จะใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว เพราะหากออกกฎหมายมาแล้วคนไม่ทำก็ทำไม่ได้ ต้องใช้จิตวิทยาเข้าช่วยด้วย โดย ดึงกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าฟื้นฟู แค่เอามาปรับเพื่อกำราบ ส่วนร้านค้าตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่เห็นแก่สังคมก็ต้องสั่งปิด และยึด ขณะที่มาตรการลงโทษผู้ปกครองตนก็ไม่อยากจะใช้ แต่ถึงเวลานี้พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมแล้วจริงๆ ครั้งแรกไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร แต่ถ้ามีครั้งที่สองก็ต้องใช้กฎหมายบังคับ เพราะถือว่ามีการแจ้งเตือนแล้ว ซึ่งทุกหน่วยงานต้องเข้มข้น