“นายกรัฐมนตรี” ยอมรับกำลังพิจารณาใช้มาตรา 44 ลุยเด็กแว้น ชี้มีกฎหมายอยู่ห้ามแข่งรถแต่ก็ไม่ทำ ยันไม่ได้มุ่งจะเอาจนตาย แต่ให้ดูทำไมยังแข่ง เผยเด็กส่วนใหญ่ไม่ได้เรียน ว่างจัด พ่อแม่ให้แต่เงิน เอาไปทำรถ ลั่นไม่เปิดสนามให้ บอกที่แข่งก็มีทำไมไม่ไป งงไม่แก้ต้นเหตุ แนะอย่าสอนให้คนไม่เคารพกฎหมาย กำลังหารือการรับผิดชอบจากหนักไปหาเบา
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ครม.ถึงข้อเสนอให้ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาเด็กแว้นว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ วันนี้เรามีกฎหมายอยู่เกือบทุกฉบับมีปัญหาอยู่ว่าการดำเนินการและมาตรการทางกฎหมายมุ่งหวังให้คนได้เรียนรู้ เมื่อเกิดเหตุการณ์หรือเกิดการกระทำผิดขึ้นก็ให้โอกาสแก้ไขปรับปรุงตัว แต่เรื่องเหล่านี้บางทีก็ปล่อยปละละเลยกันมานานกลายเป็นค่านิยมของคนที่ชอบฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้ซึ่งมีการห้ามอยู่แล้วว่าห้ามแข่งรถบนเส้นทางสาธารณะ มันมีทั้งอันตรายและเกิดมลภาวะทางเสียงแต่ยังมีการกระทำความผิดกันอยู่ก็ต้องพิจารณาดูว่าการใช้กฎหมายในการป้องกันกระทำความผิดนั้นเพียงพอหรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีกฎหมายอื่นมาใช้ในช่วงนี้
“แต่ไม่ได้มุ่งหมายจะเอากันจนตาย อย่างไรก็เป็นเด็ก ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ปัญหาของเราต้องไปดูว่าทำไมเขาถึงยังมาแข่งกันตรงนี้ และต้องดูด้วยว่ากลุ่มคนเหล่านี้อยู่นอกระบบการศึกษาประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ไม่เรียนหนังสือ จึงมีเวลาว่างเยอะพอสมควร พ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่มีเวลาดูและอยู่กับลูก จึงให้เงินไป ส่วนใหญ่เอาไปทำรถ จึงทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ได้บอกไปหลายครั้งแล้วว่าจุดแรกครอบครัวต้องเข้มแข็ง โรงเรียนสถานศึกษาต่างๆต้องช่วยกันดู วันนี้เราจะใช้อำนาจและกฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะแก้ได้เฉพาะชั่วคราวเท่านั้น” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเปิดเป็นสนามเพื่อให้เด็กได้ใช้แข่งหรือไม่ นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ให้เปิด เขามีสนามกันอยู่แล้ว ที่พัทยาก็มี ทำไมไม่ไปแข่งกัน และทำไมต้องให้เราทำเพื่อรองรับพวกที่ทำผิดกฎหมายแบบนี้ตลอด พอผิดก็จะไปหาสถานที่ให้เปิด ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุว่าจะแข่งกันทำไม คนที่มาแข่งมีอาชีพมีรายได้อย่างไร มีความเดือดร้อนหรือไม่ ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ ที่ผ่านมาก็เพิ่งชนตำรวจตาย มีผู้คนบาดเจ็บและสูญเสีย วันนี้อย่าสอนให้คนไม่เคารพกฎหมาย สื่อก็ต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะเอาผิดกับผู้ปกครองด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ไปถึงตรงนั้น อยู่ระหว่างการหารือว่าจะรับผิดชอบกันอย่างไร คงใช้วิธีการจากเบาไปหาหนัก อย่าทำเหมือนกับเป็นไข้แล้วต้องกินยาแรงเพียงอย่างเดียว มันไม่หายก็ตายเลย เราต้องค่อยๆ ทำ และคิดว่าโดยพื้นฐานแล้วคนไม่อยากทำความผิด เพียงแต่คงต้องมีอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะภาวะทางจิตใจอาจจะขาดความอบอุ่น ไม่ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง