พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่รอบที่ 2 ่า ทางคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องการปรับอัตราค่าโดยสารได้เสนอให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น 5–7% ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมยังยืนยันมติเดิมที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้นให้เพียง 5% และจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ค.นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีนโยบายให้ทยอยปรับค่าแท็กซี่มิเตอร์เป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกขึ้นไปแล้ว 8 % และระยะ 2 ที่จะครบกำหนดสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ อีก 5%
“การปรับราคาแท็กซี่ระยะ 2 ยังยืนยันเหมือนเดิม น่าจะมีข้อสรุปภายปลายเดือน มิ.ย.นี้ ก็ให้ยึดไปตามนโยบายเดิม เพราะไม่มีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลง สามารถให้ปรับราคาได้ตามที่แถลงไปแล้วเมื่อเดือน ธ.ค.57”
ส่วนการปรับค่าธรรมเนียมการให้บริการแท็กซี่ที่ให้บริการภายในท่าอากาศยาน (เซอร์ชาร์จ) ได้มีข้อเสนอให้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งตามขั้นตอนจะนำผลศึกษาถึงแนวทางที่เป็นไปได้ส่งให้คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางศึกษาวิเคราะห์ คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. และต้องนำเรื่องหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะออกเป็นนโยบายที่ชัดเจน
สำหรับผลการศึกษาเห็นว่าแนวทางที่เหมาะสม คือ คงอัตราค่ามิเตอร์เดิม แต่ปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จในอัตราที่เหมาะสม โดยวิธีการดำเนินงานคือ ใน 6 เดือนแรก จะให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทยหรือ ทอท. รับภาระค่าเซอร์ชาร์จไปก่อน โดยในระหว่างนั้นจะมีการทบทวนเพื่อปรับโครงสร้างการบริหารการให้บริการระบบแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิใหม่ทั้งหมด เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น มีการจัดสรรเส้นทางให้เหมาะสม จัดจำนวนเที่ยววิ่งต่อวันที่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายและต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งข้อมูลพบว่าปัจจุบันแท็กซี่สนามบินวิ่งเฉลี่ย 4-5 เที่ยวต่อวัน แต่ไม่เพียงพอต่อต้นทุน ต้องปรับการบริหารอย่างไรเพื่อเพิ่มเที่ยววิ่งต่อวัน แก้ปัญหาบัตรคิว หรือการเจรจาต่อรองแทนการใช้มิเตอร์ เป็นต้น ซึ่งต้องหาวิธีการปรับโครงสร้างใหม่เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจตนาของนโยบายนี้ ไม่ต้องการทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ หรือรับความเดือดร้อนแน่นอน ซึ่งจะเลือกแนวทางที่ประชาชนจ่ายค่าแท็กซี่ที่สนามบินเท่าเดิม ไม่ต้องจ่ายเพิ่มใดๆ โดยจะต้องมีการรื้อระบบการบริหารจัดการของ ทอท.ใหม่ให้เสร็จใน 6 เดือน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าจะปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จแต่อย่างใด มีแค่ผลการศึกษาจากคณะทำงาน จากนี้จะเป็นขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
“การปรับราคาแท็กซี่ระยะ 2 ยังยืนยันเหมือนเดิม น่าจะมีข้อสรุปภายปลายเดือน มิ.ย.นี้ ก็ให้ยึดไปตามนโยบายเดิม เพราะไม่มีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลง สามารถให้ปรับราคาได้ตามที่แถลงไปแล้วเมื่อเดือน ธ.ค.57”
ส่วนการปรับค่าธรรมเนียมการให้บริการแท็กซี่ที่ให้บริการภายในท่าอากาศยาน (เซอร์ชาร์จ) ได้มีข้อเสนอให้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งตามขั้นตอนจะนำผลศึกษาถึงแนวทางที่เป็นไปได้ส่งให้คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางศึกษาวิเคราะห์ คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. และต้องนำเรื่องหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะออกเป็นนโยบายที่ชัดเจน
สำหรับผลการศึกษาเห็นว่าแนวทางที่เหมาะสม คือ คงอัตราค่ามิเตอร์เดิม แต่ปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จในอัตราที่เหมาะสม โดยวิธีการดำเนินงานคือ ใน 6 เดือนแรก จะให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทยหรือ ทอท. รับภาระค่าเซอร์ชาร์จไปก่อน โดยในระหว่างนั้นจะมีการทบทวนเพื่อปรับโครงสร้างการบริหารการให้บริการระบบแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิใหม่ทั้งหมด เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น มีการจัดสรรเส้นทางให้เหมาะสม จัดจำนวนเที่ยววิ่งต่อวันที่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายและต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งข้อมูลพบว่าปัจจุบันแท็กซี่สนามบินวิ่งเฉลี่ย 4-5 เที่ยวต่อวัน แต่ไม่เพียงพอต่อต้นทุน ต้องปรับการบริหารอย่างไรเพื่อเพิ่มเที่ยววิ่งต่อวัน แก้ปัญหาบัตรคิว หรือการเจรจาต่อรองแทนการใช้มิเตอร์ เป็นต้น ซึ่งต้องหาวิธีการปรับโครงสร้างใหม่เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจตนาของนโยบายนี้ ไม่ต้องการทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ หรือรับความเดือดร้อนแน่นอน ซึ่งจะเลือกแนวทางที่ประชาชนจ่ายค่าแท็กซี่ที่สนามบินเท่าเดิม ไม่ต้องจ่ายเพิ่มใดๆ โดยจะต้องมีการรื้อระบบการบริหารจัดการของ ทอท.ใหม่ให้เสร็จใน 6 เดือน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าจะปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จแต่อย่างใด มีแค่ผลการศึกษาจากคณะทำงาน จากนี้จะเป็นขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
