แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงระดับ 7.3 ถล่มเนปาลซ้ำสองในวันอังคาร (12 พ.ค.) ติดตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงอีกหลายระลอก รวมทั้งเกิดดินถล่มในบางพื้นที่ และอาคารหลายหลังซึ่งถูกโยกคลอนจากธรณีพิโรธครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 8 ทศวรรษเมื่อไม่ถึง 3 สัปดาห์ก่อนอยู่แล้ว ได้พังครืนลงมาในคราวนี้ ประชาชนต่างพากันแตกตื่นหนีภัยอลหม่าน สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 37 ราย และได้รับบาดเจ็บพันกว่าคน
แผ่นดินไหวขนาด 7.3 ครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.35 น. วันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นของเนปาล (ตรงกับ 13.50 น.เวลาเมืองไทย) โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนัมเช บาซาร์ ใกล้กับเทือกเขาเอเวอเรสต์และพรมแดนทิเบต และอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุประมาณ 76 ก.ม. ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ
จากนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนครั้งที่สองวัดความรุนแรงได้ 6.3 โดยเกิดขึ้นหลังจากครั้งแรกราวครึ่งชั่วโมง และยังตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอก
ท้องที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครหลวงกาฐมาณฑุ น่าจะประสบกับฤทธิ์เดชของแผ่นดินไหวครั้งใหม่นี้รุนแรงที่สุด อีกทั้งสร้างความหวาดผวาให้แก่ประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ที่ยังไม่ทันฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวใหญ่คราวก่อนซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 25 เมษายนโดยมีความร้ายแรงระดับ 7.8 และสังหารผู้คนไปมากกว่า 8,150 คน ทำให้หมู่บ้านหลายแห่งพังราบทั้งหมู่บ้าน ผู้คนเรือนแสนกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย
ข่าวสารข้อมูลไหลเข้ามสู่กาฐมาณฑุด้วยความล่าช้าภายหลังธรณีพิโรธในช่วงเที่ยงวันอังคาร แต่เจ้าหน้าที่ทางการและหน่วยงานบรรเทาทุกข์ต่างๆ บอกว่า พวกเขาคาดหมายว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น จากนั้นอีกราว 4 ชั่วโมงต่อมา กระทรวงแถลงข่าวระบุว่ามีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 42 คน ก่อนที่จะแก้ไขตัวเลขให้ต่ำลงมาเหลือ 37 คน และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1,139 คน
ขณะเดียวกัน ลักษมี ปราสาท ดากาล โฆษกกระทรวงมหาดไทยแถลงว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถดึงเอาผู้คนจำนวน 3 คนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังในเมืองหลวงออกมาได้สำเร็จ และกำลังช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่อีก 9 คนในอำเภอโดลข่า
รัฐบาลระบุว่า ได้รีบเร่งจัดส่งเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยไปยังท้องที่เขตเขา ซึ่งดินที่ถล่มลงมาตลอดจนอาคารที่พังครืนอาจจะฝังผู้คนอยู่ข้างใต้ ดากาล บอกว่า อำเภอสินธุปัลโชค และโดลข่า เป็นบริเวณที่ประสบภัยหนักหน่วงที่สุด
แผ่นดินไหวขนาด 7.3 ครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.35 น. วันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นของเนปาล (ตรงกับ 13.50 น.เวลาเมืองไทย) โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนัมเช บาซาร์ ใกล้กับเทือกเขาเอเวอเรสต์และพรมแดนทิเบต และอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุประมาณ 76 ก.ม. ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ
จากนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนครั้งที่สองวัดความรุนแรงได้ 6.3 โดยเกิดขึ้นหลังจากครั้งแรกราวครึ่งชั่วโมง และยังตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอก
ท้องที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครหลวงกาฐมาณฑุ น่าจะประสบกับฤทธิ์เดชของแผ่นดินไหวครั้งใหม่นี้รุนแรงที่สุด อีกทั้งสร้างความหวาดผวาให้แก่ประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ที่ยังไม่ทันฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวใหญ่คราวก่อนซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 25 เมษายนโดยมีความร้ายแรงระดับ 7.8 และสังหารผู้คนไปมากกว่า 8,150 คน ทำให้หมู่บ้านหลายแห่งพังราบทั้งหมู่บ้าน ผู้คนเรือนแสนกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย
ข่าวสารข้อมูลไหลเข้ามสู่กาฐมาณฑุด้วยความล่าช้าภายหลังธรณีพิโรธในช่วงเที่ยงวันอังคาร แต่เจ้าหน้าที่ทางการและหน่วยงานบรรเทาทุกข์ต่างๆ บอกว่า พวกเขาคาดหมายว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น จากนั้นอีกราว 4 ชั่วโมงต่อมา กระทรวงแถลงข่าวระบุว่ามีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 42 คน ก่อนที่จะแก้ไขตัวเลขให้ต่ำลงมาเหลือ 37 คน และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1,139 คน
ขณะเดียวกัน ลักษมี ปราสาท ดากาล โฆษกกระทรวงมหาดไทยแถลงว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถดึงเอาผู้คนจำนวน 3 คนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังในเมืองหลวงออกมาได้สำเร็จ และกำลังช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่อีก 9 คนในอำเภอโดลข่า
รัฐบาลระบุว่า ได้รีบเร่งจัดส่งเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยไปยังท้องที่เขตเขา ซึ่งดินที่ถล่มลงมาตลอดจนอาคารที่พังครืนอาจจะฝังผู้คนอยู่ข้างใต้ ดากาล บอกว่า อำเภอสินธุปัลโชค และโดลข่า เป็นบริเวณที่ประสบภัยหนักหน่วงที่สุด