รอยเตอร์/เอเอฟพี - ขณะที่ชาวเนปาลและนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องนอนในที่โล่งเป็นคืนที่ 3 ติดต่อกันหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันเสาร์ (25 เม.ย.) ความโกรธเคืองต่อการบรรเทาภัยที่ล่าช้าเริ่มปรากฏขึ้น ด้วยเจ้าหน้าที่รัฐบาลทำงานกันอย่างสะเปะสะปะสับสนอลหม่าน ส่วนทีมช่วยเหลือก็เจอปัญหาในการลำเลียงเสบียงออกจากท่าอากาศยานกาฐมาณฑุ เนื่องจากพนักงานจำนวนมากหนีกลับบ้านไปตามหาญาติๆ และตรวจสอบบ้านเรือนของตนเองที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเหนือ 4,000 ศพแล้ว
ถนนหลวงสายหลักๆ ถูกปิดกั้นโดยดินที่ถล่มลงมา หมู่บ้านและชุมนุมหลายแห่งต้องอยู่โดยปราศจากน้ำสะอาดและไฟฟ้าใช้ โดยประชาชนอยู่รอดจากอาหารเหลือและไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโลกภายนอก
ในขณะที่ความช่วยเหลือเริ่มทยอยมาถึงเมืองหลวง ในนั้นรวมถึงเสบียงอาหาร ยา เต็นท์ และสุนัขดมกลิ่น ทว่าเจ้าหน้าที่กลับประสบปัญหาในการกระจายมันไปปลดเปลื้องทุกข์แก่พื้นที่ประสบภัย เนื่องจากการติดต่อทางโทรศัพท์ขัดข้อง สภาพท้องถนนที่เลวร้าย ขาดเครื่องไม้เครื่องมือ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีอาฟเตอร์ช็อคเกิดขึ้นต่อเนื่อง
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่พักอาศัยอยู่รอบนอกกรุงกาฐมาณฑุ เผยว่าครอบครัวของเธอต้องอพยพไปพักพิงที่สนามเด็กเล่น ใช้แผ่นพลาสติกเป็นที่บังแดด ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีเหตุปล้นสะดมเกิดขึ้น “เราไม่ได้แม้แต่น้ำสักแก้วจากรัฐบาล” เธอบอก “ไม่มีเจ้าหน้าที่สักคนมาตรวจเช็กสุขภาพของเรา ที่นี่เราอยู่โดยตัวของเราเอง”
ในขณะที่การพุ่งเป้าเริ่มเบี่ยงจากค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหวเป็นให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิต องค์กรบรรเทาทุกข์นานาชาติและเจ้าหน้าที่เตือนว่าตอนนี้การแพร่ระบาดของโรคคือสิ่งที่เป็นกังวลสูงสุด เนื่องจากเนปาลจะเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุมในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) คาดหมายว่ามีประชาชนเกือบ 1 ล้านคนในเนปาล ที่ได้รับผลกระทบแสนสาหัสจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ และได้เตือนถึงการระบาดของโรคที่มากับน้ำและโรคติดต่อ
ซูบิน ซูมาน เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การบรรเทาทุกข์ออกซ์แฟม เผยว่ามีชาวบ้านซึ่งพักอาศัยในที่โล่งหลายแสนคนที่เข้าไม่ถึงอาหารหรือห้องน้ำ พร้อมเตือนว่าอาจมีคนตายจากโรคติดต่อมากกว่าเสียชีวิตจากอาคารพังถล่มเสียอีก “สถานการณ์หลายๆอย่างยังไม่ดีขึ้น แผ่นดินยังสั่นสะเทือนเป็นพักๆ และฝนที่ตกช่วง 2 วันที่ผ่านมาก็ซ้ำเติมให้เลวร้ายลงไปอีก”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยเนปาลบอกกับรอยเตอร์ รัฐบาลเสี่ยงขาดแคลนเสบียงพื้นฐาน อาทิอาหารและอุปกรณ์ช่วยเหลือพิเศษ และคร่ำครวญว่าตอนนี้มีเพียงอินเดียชาติเดียวที่ส่งเฮลิคอปเตอร์เข้ามาช่วยเหลือ “เรายังไม่สามารถติดต่อกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดได้”
ชาวบ้านคนหนึ่งในภัคตปุระ เมืองมรดกทางวัฒนธรรมทางตะวันออกของกาฐมาณฑุ บอกว่าประชาชนที่พักอาศัยในค่ายพักพิงเริ่มหงุดหงิดและไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆต่อแนวทางการแจกจ่ายเสบียงของเจ้าหน้าที่ “มันเป็นการแจกจ่ายแบบส่งเดช แล้วแต่บุญแต่กรรม เสบียงจำเป็นเร่งด่วนที่สุดถูกส่งมาแค่ชุดเล็กๆ จากนั้นทุกคนก็เริ่มแย่งกันหยิบฉวย ไม่มีความร่วมมือไม้ร่วมมือใดๆ”
ในขณะที่ผู้โดยสารหลายร้อยคนยังออกันที่สนามบินนานาชาติของเนปาลในความพยายามให้ได้ตั๋วเครื่องบิน เหล่าเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ประสบปัญหานำเครื่องบินลงจอดและนำเสบียงเหล่านั้นออกจากรันเวย์ เนื่องจากพนักงานจำนวนมากหนีกลับบ้านไปตามหาญาติๆ และตรวจสอบบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย
“มันเป็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงโดยสิ้นเชิง” เจ้าหน้าที่จากองค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) เผย “สนามบินไม่สามารถจัดการกับการจราจรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่”
นอกจากนี้แล้วในวันจันทร์ (27 เม.ย.) เช่นกัน ยังพบเห็นประชาชนหลายหมื่นคนหลั่งไหลออกจากเมืองหลวง โดยท้องถนนที่มุ่งหน้าออกจากกรุงกาฐมาณฑุแน่นขนัดไปด้วยผู้คน บางส่วนอุ้มลูกพยายามเบียดเสียดขึ้นรถบัสหรือรถบรรทุก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่ายแถลงว่า จนถึงตอนค่ำวันจันทร์นั้น ทราบแล้วว่าธรณีพิโรธคราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 3,800 คน และด้วยรายงานข่าวจากพื้นที่ห่างไกลที่ค่อยๆข้ามาอย่างช้าๆ บ่งชี้ว่ายอดเหยื่อเพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก ท่ามกลางคำเตือนจากกระทรวงมหาดไทยที่เตือนว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจพุ่งถึง 5,000 ศพ ถือเป็นหายนะแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดของเนปาล นับตั้งแต่ปี 1934 โดยคราวนั้นมีผู้เสียชีวิต 8,500 คน
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานในช่วงค่ำวันจันทร์ (27 เม.ย.) อ้างเจ้าหน้าที่ระบุว่าตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นมากกว่า 4,100 คนแล้ว ในนั้นเป็นชาวเนปาลถึง 4,010 คน โดยในอินเดียและจีน สองชาติเพื่อนบ้าน พบผู้เสียชีวิตมากกว่า 90 คน และบาดเจ็บมากกว่า 7,500 คนในเนปาล กระนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตในเนปาลอาจสูงกว่านี้มาก เมื่อหน่วยกู้ภัยพบขอบเขตของภัยพิบัติครั้งนี้อย่างครบถ้วนแล้ว