ASTVผู้จัดการรายวัน- นายกรัฐมนตรีเนปาลคาดหมาย ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศของเขาอาจถึง 10,000 คน ขณะที่ตัวเลขทางการที่ออกมาทะลุหลัก 5,000 ราย ล่าสุดเกิดหิมะถล่มครั้งใหม่ในเส้นทางไต่เขายอดนิยมซึ่งทำให้มีคนสูญหายไป 250 คน ด้านครม.อนุมัติ 100 ล้าน ช่วยเหลือเนปาล ขณะที่ทัพไทย จัดส่งกำลังพล 67 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ บินตรงเนปาลแล้ว ทีมแพทย์ชุดแรกเดินทางไปเนปาลแล้ว ด้านองค์การอนามัยโลกยกเนปาลระดับ 3 เทียบเท่าอีโบลา ขณะที่จนท.กต.ต้อนรับ 20 นักท่องเที่ยวไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่สรรพากรให้นำมาลดหย่อนภาษีได้
รัฐบาลเนปาลยังไม่สามารถที่จะประเมินขนาดของความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวระดับความรุนแรง 7.8 ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ (25) เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่เขตเขาจำนวนมาก ถึงแม้มีสิ่งของช่วยเหลือและบุคลากรด้านต่างๆ หลั่งไหลกันเข้ามาจากทั่วโลก
นายกรัฐมนตรีสุชิล คอยราลาของเนปาล ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ในวันอังคาร (28) ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจจะทะลุหลัก 10,000 คน ในขณะที่ข้อมูลข่าวสารเรื่องความเสียหายจากหมู่บ้านและตำบลห่างไกลยังคงมาไม่ถึง
เขาบอกว่ารัฐบาลกำลังพยายามอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้แล้วในการค้นหาและกู้ภัย แต่การส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ทุรกันดารเป็นภารกิจที่ท้าทายและยากลำบากมาก
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตที่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการออกมาแล้วนั้น จนถึงช่วงค่ำวันอังคาร เฉพาะในเนปาลประเทศเดียวยอดอยู่ที่ 5,057 คน ในจำนวนนี้เป็นนักปีนเขา 18 คนที่ถูกหิมะถล่มบนเอเวอเรสต์ ขณะที่นักปีนเขาที่รอดชีวิตนั้น ได้รับการอพยพด้วยเฮลิคอปเตอร์ลงมาทั้งหมดแล้ว สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ประมาณ 8,000 คน
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีกราว 100 รายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยแบ่งเป็นชาวอินเดีย 73 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเขตปกครองทิเบตของจีนเพิ่มเป็น 25 คน
ในช่วงเย็นวันอังคาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเนปาลรายงานว่า ได้เกิดหิมะถล่มในตอนบ่ายวันนั้นที่เขตโกดาตาเบลา ซึ่งเป็นพื้นที่บนเส้นทางไต่เขา “ลังตัง” ซึ่งได้รับความนิยมกันมาก และเกรงว่ามีคนสูญหายไปราว 250 คน ทั้งนี้เทือกเขาลังตัง ตั้งอยู่ค่อนข้างใกล้กับกรุงกาฐมาณฑุ และเป็นที่นิยมในหมู่นักปีนเขาต่างชาติ
เวลานี้ประเทศนับสิบจากทั่วโลก เข้าร่วมปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ในเนปาล ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในประเทศยากจนที่สุดในเอเชีย โดยมีเพื่อนบ้านอินเดียรับบทนำ
เครื่องบินทหารจากนานาประเทศ อาทิ อเมริกา จีน และแม้แต่อิสราเอล พร้อมใจเข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ประกาศบริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์ช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว และบอกว่า "ช็อก” กับภาพผู้เสียชีวิตและความเสียหายของเนปาล
ออสเตรเลียแถลงเมื่อวันอังคารเพิ่มความช่วยเหลือเป็น 4.7 ล้านดอลลาร์ พร้อมส่งเครื่องบินทหารเพื่อนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปมอบให้ผู้ประสบภัยและรับพลเมืองที่ติดค้างกลับประเทศ
อย่างไรก็ตาม รันเวย์ที่แน่นขนัดในสนามบินนานาชาติกาฐมาณฑุ กำลังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความพยายามในการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่เนปาล สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นเผยว่า ทีมบรรเทาภัยพิบัติพยายามนำเครื่องบินลงจอดในกาฐมาณฑุเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันอังคาร หลังจากสองครั้งแรกต้องวกกลับเนื่องจากสนามบินแออัด
นายกรัฐมนตรีคอยราลา แถลงในที่ประชุมฉุกเฉินที่รวมสมาชิกจากทุกพรรคการเมืองว่า รัฐบาลได้จัดส่งเต็นท์ น้ำ และอาหารไปให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยแล้ว แต่ยอมรับว่า ไม่สามารถตอบสนองการร้องขอความช่วยเหลือที่ประเดประดังเข้ามาจากทุกสารทิศพร้อมกัน เนื่องจากขาดแคลนทั้งอุปกรณ์และผู้เชี่ยวชาญการกู้ภัย
อาฟเตอร์ช็อกที่ยังเกิดขึ้นเป็นระยะ ความเสียหายรุนแรง โครงสร้างพื้นฐานซึ่งพังร้าวไปจำนวนมาก การขาดแคลนเงินทุน ตลอดจนถึงฝนที่ตกลงมา ส่งผลให้ปฏิบัติการกู้ภัยล่าช้า ชาวกาฐมาณฑุบางส่วนที่ไม่พอใจและวิจารณ์ความล่าช้าของรัฐบาลมากขึ้น จึงตัดสินใจเลิกรอความช่วยเหลือและลงมือขุดค้นซากปรักหักพังด้วยมือเปล่าเพื่อค้นหาญาติมิตร
โอ. พี. ซิงห์ ผู้อำนวยการกองกำลังรับมือภัยพิบัติแห่งชาติของอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรจากต่างชาติที่เดินทางถึงเนปาลกลุ่มแรกๆ กล่าวว่า การค้นหาผู้รอดชีวิตและร่างผู้เสียชีวิตอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ เนื่องจากไม่สามารถลำเลียงอุปกรณ์หนักผ่านถนนที่คับแคบของกาฐมาณฑุเข้าสู่พื้นที่ประสบภัยบางจุดได้
อย่างไรก็ดี ในกาฐมาณฑุมีสัญญาณของการเริ่มกลับสู่ภาวะปกติอยู่บ้าง โดยที่มีแผงขายผลไม้เริ่มปรากฏให้เห็นบนถนนหลักบางสาย และรถประจำทางกลับมาให้บริการอีกครั้ง
'ประยุทธ์'สั่งให้ความช่วยเหลือเต็มที่
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (28เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ที่โรงแรมที่พักเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาลว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ(กต.) สอบถามสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล และเร่งให้ความช่วยเหลือคนไทย โดยขณะนี้มีคนไทยในเนปาลเข้ามาอยู่อาศัยที่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ แล้ว 40 คน และจะมีเข้ามาอาศัยเพิ่มเติม พร้อมขอให้สถานกงสุล และสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ เป็นตัวกลางในการติดต่อให้กับคนไทยและญาติ ซึ่งขณะนี้นักศึกษาและนักท่องเที่ยวไทยในเนปาลปลอดภัยแล้ว
สำหรับการช่วยเหลือเนปาล ในเบื้องต้น ทุกประเทศได้จัดส่งเงินช่วยเหลือให้ประเทศละ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ พร้อมได้จัดส่งทีมแพทย์ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของจำเป็นไปช่วยเหลือแล้ว โดยเมื่อช่วงเช้า (28 เม.ย.) กองทัพอากาศได้นำเครื่องบินซี 130 นำแพทย์ 7 คน เพื่อช่วยจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และศูนย์ประสานงานทางด้านการแพทย์ ซึ่งหลังจากนี้ประเทศไทยจะเตรียมส่งเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเข้าไปให้ความช่วยเหลือในการพิสูจน์เอกลักษณ์ของผู้เสียชีวิตอีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเปิดรับการบริจาคจากประชาชนในทุกช่องทาง โดยขณะนี้ยอดการบริจาคอยู่ที่ 127 ล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนประชาชน ให้ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง ทุกช่องทาง ทั้งสถานีโทรทัศน์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ
** ครม.อนุมัติ 100 ล้านช่วยเนปาล
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม. ได้อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับใช้ในการปฏิบัติภารกิจทุกส่วนของการช่วยเหลือประเทศเนปาล นอกจากนี้ได้กำชับให้ทุกส่วนราชการได้ติดตามการช่วยเหลือเพิ่มเติม ตามที่ทางเนปาลร้องขอมา โดยเฉพาะการฟื้นฟูบูรณะต่างๆ ในฐานะที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ด้านการบรรเทาภัยพิบัติขนาดใหญ่มาแล้ว
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวขอบคุณส่วนราชการ และคนไทยทุกคน ที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพรายการ"หัวใจไทยส่งไปเนปาล" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ วันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมียอดบริจาคผ่านรายการดังกล่าว 48 ล้านบาทเศษ และยังมีโอนมาเพิ่มเติมอีก 8 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จแล้วขณะนี้มีเงินบริจาคทั้งสิ้น 56 ล้านบาทเศษ
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์ว่า ในส่วนของรับบริจาคเงินของรัฐบาลนั้น ได้เปิดบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลขบัญชี 067-0-10330-6 เท่านั้น เพื่อป้องกันการหลอกลวงของผู้ไม่ประสงค์ดี
**ทีมช่วยเหลือจากไทยออกเดินทาง
เวลา 08.00 น. วานนี้ (28 เม.ย.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) มอบหมายให้ พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ รอง ผบ.สส. เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลทหาร คณะช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเนปาล จำนวน 67 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภค ไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล โดยทางคณะช่วยเหลือฯของไทย ได้เตรียมชุดเครื่องมือติดต่อสื่อสาร
ส่วนแผนการดำเนินการหลังจากที่ทางคณะช่วยเหลือฯ จำนวน 67 คน ประกอบด้วย ชุดแพทย์สนาม ชุดทหารช่างเพื่อผลิตน้ำดื่มจากกองทัพบก ชุดปฏิบัติการค้นหา และช่วยชีวิตจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย และชุดสื่อสารดาวเทียมจากกรมการทหารสื่อสาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สำรวจพื้นที่เรียบร้อยแล้ว จะตั้งกองอำนวยการเพื่อประสานงานและส่งข้อมูลทั้งหมดมาให้ศูนย์บัญชาการทางทหารของกองบัญชาการกองทัพไทยเพื่อประเมินผล โดยคณะช่วยเหลือจะปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.58 - 4 พ.ค. 58 หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี จะสั่งการอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.ปริญญา ขุนนาศรี รองเจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะหัวหน้าคณะช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเนปาล กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้ หลังจากดำเนินการสำรวจพื้นที่ ก็จะรายงานกลับมากองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อประเมินสถานการณ์ และสั่งการปฏิบัติ กลับไปยังคณะช่วยเหลือฯ อีกครั้ง
** ส่งของขึ้นเครื่องซี130 อีกชุดวันนี้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า หากมีความจำเป็นหรือมีความเหมาะสมในการช่วยสนับสนุนเพิ่มเติมอย่างไร ทางกองทัพบกก็พร้อมให้การช่วยเหลือ โดยกระทรวงกลาโหมได้ส่งกำลังพลจากแต่ละเหล่าทัพไปช่วยเหลือ ในส่วนของกองทัพไทยเป็นส่วนบังคับบัญชา ส่วนกองทัพบกได้จัดชุดแพทย์และเครื่องทำน้ำดื่มที่สามารถผลิตน้ำดื่มได้ 6,000 ลิตรต่อวัน นอกจากนี้ ผมยังได้สั่งเตรียมชุดค้นหาและกู้ภัย และสุนัขดมกลิ่น หากมีการสั่งการขอความช่วยเหลือต่อไปก็พร้อมดำเนินการทันที อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (29 เม.ย.) จะมีเครื่องบินแบบลำเลียงซี-130 อีก 1 ลำ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ และสิ่งของไปช่วยเหลือชาวเนปาลอีก
** สปช.หักเงินเดือนหัวละ 2 พันช่วยเหลือ
วานนี้ (28เม.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมี น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานสปช. คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยให้หักเงินจากบัญชีค่าตอบแทนของสปช. จำนวน 2,000 บาท ส่วนคนใดจะบริจาคมากกว่านี้ก็สามารถทำได้ โดยเงินทั้งหมดจะมอบผ่านรายการที่รัฐบาลจัดขึ้น เพื่อส่งมอบให้ประเทศเนปาลต่อไป
**ทอ.ยินดีรับคนไทยที่เนปาลกลับพร้อมซี-130
พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ ประสานขอให้กองทัพอากาศรับคนไทยที่แสดงความประสงค์เดินทางกลับไทย พร้อมกับเครื่องแบบลำเลียง ซี-130 ของกองทัพอากาศว่า เบื้องต้นภารกิจของเครื่องบินแบบลำเลียงซี-130 คือไปส่งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และสิ่งของที่จะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ที่ประเทศเนปาล หลังจากนั้นจะบินกลับทันที แต่หากมีคนไทยที่อยู่ในประเทศเนปาลมีความประสงค์จะเดินทางกลับมาประเทศไทย พร้อมกับเครื่องบินแบบลำเลียง ซี-130 ทางกองทัพอากาศในฐานะผู้ทำการบิน ก็มีความยินดี แต่ทั้งนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนปาล จะต้องเป็นผู้พิจารณาคัดกรอง และรวบรวมคน เพื่อเตรียมพร้อมนำคนกลับ โดยเครื่องบินแบบลำเลียงซี-130 ออกจากไทย 28 เม.ย. เวลา 09.40 น. และทำการบิน 5 ชั่วโมง
***สรรพากรให้นำมาลดหย่อนภาษีได้
รายงานข่าวจากกรมสรรพากร ระบุว่า การบริจาคช่วยเหลือในกรณีที่เกิดขึ้นกับเนปาลนั้น ผู้บริจาคสามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อน หรือหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
1.ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้เฉพาะการบริจาคเป็นเงิน ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของหน่วยงานราชการที่เปิดรับบริจาคเป็นการเฉพาะ เช่น บัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล"ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลขบัญชี 067-0-10330-6 เป็นต้น หรือผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เช่น สถานีโทรทัศน์ หรือมูลนิธิของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ผู้บริจาคสามารถนำเงินบริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ตามจริง(รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย) แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว โดยใช้หนังสือสำคัญการรับเงินบริจาคที่ส่วนราชการ หรือนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนรับบริจาคออกให้ หรือใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปของธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป
2.ผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิในปีที่บริจาค นอกจากนี้ กรณีการบริจาคทรัพย์สินหรือสินค้าดังกล่าว ถือเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่รับบริจาคเงินหรือทรัพย์สินตามข้อ 1 และข้อ 2 ต้องนำเงินและทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาทั้งจำนวนนั้น ไปบริจาคให้แก่หน่วยงานของส่วนราชการไทยเท่านั้น และหน่วยงานราชการนั้นจะต้องออกหนังสือสำคัญหรือหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการบริจาคโดยมียอดเงินหรือทรัพย์สินที่เป็นยอดรวมทั้งสิ้นตรงกับยอดที่รับบริจาคมาทั้งจำนวน กรณีนี้ ผู้บริจาคตามข้อ 1 และข้อ 2 จึงจะได้รับสิทธินำยอดเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายได้ แต่หากตัวแทนรับบริจาคนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง ผู้บริจาคจะไม่ได้รับสิทธิในการหักลดหย่อนแต่อย่างใด.
***พณ.ส่งข้าวสารอาหารกระป๋องช่วย
นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความห่วงใยต่อผู้ประสบภัย โดยในเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่ง ข้าวสาร อาหารกระป๋อง ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศเนปาลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว
**ทีมแพทย์ชุดแรกไปเนปาล
วานนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และ นพ.ไพโรจน์ เครือกาญจนา หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ สธ. เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังประเทศเนปาล ด้วยเที่ยวบิน TG139 ซึ่งจะเป็นทีมแพทย์ชุดแรกของไทยที่เดินทางไปเพื่อประเมินสถานการณ์ความต้องการความช่วยเหลือด้านการแพทย์ หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ก่อนส่งข้อมูลรายงานกลับมายังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว(วอร์รูม) สธ.
นพ.สุริยะ กล่าวว่า ทีมแพทย์ที่จัดเตรียมไว้ประกอบด้วย ศัลยแพทย์ แพทย์ฉุกเฉิน เพื่อจัดทำโรงพยาบาลสนามขนาดเล็ก โดยมีทีมแพทย์หมุนเวียนรวม 4 ทีมๆ ละ 16-17 คน ประจำการ 14 วัน สำหรับยาและเวชภัณฑ์นั้นได้ส่งไปกับเครื่องบิน C130 ของกองทัพอากาศแล้ว
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมวอร์รูม ว่า วอร์รูมเตรียมส่งทีมแพทย์ฉุกเฉินภาคสนามหรือทีมเมิร์ท (Emergency Response Team : MERT) ชุดแรก จำนวน 19 คนลงพื้นที่ประเทศเนปาล คาดว่าจะอยู่ในพื้นที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะพิจารณาส่งทีมแพทย์ชุดที่ 2 ซึ่งจะเป็นแพทย์รักษาและฟื้นฟู โดยจะมีการพิจารณาคัดเลือกต่อไป
***WHOยกระดับเนปาลเท่ากับโรคระบาดอีโบลา
พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลก ได้ยกระดับแผ่นดินไหวเนปาลเป็นระดับ 3 เทียบเท่าเหตุการณ์โรคระบาดอีโบลา เงค์การอนามัยโลกเตรียมจัดระบบช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกประเมินสถานการณ์เบื้องต้นพบมีตัวแทนแพทย์จากจีน อินเดีย เดินทางไปถึงเนปาลแล้ว ส่วนอิสราเอลกำลังส่งเครื่องใช้และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 100 ตัน สำหรับสถานการณ์ทั่วไปหากทีมกู้ภัยจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือตัวเอง เพราะไม่มีโรงแรมให้พักอาศัย ซึ่งขณะนี้มีการตั้งศูนย์อพยพจำนวน 16 แห่ง
** วธ.จับมือทุกภาคส่วน ซับน้ำตาชาวเนปาล
วันเดียวกัน ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม แถลงข่าวการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบแผ่นดินไหว ประเทศเนปาล ว่า วธ. ได้ร่วมกับ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวประเทศเนปาล โดย ใช้ชื่องานว่า “เช็ดน้ำตา หลั่งน้ำใจ ให้เนปาล” ขณะเดียวกัน นายปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ ยังได้ออกแบบลายเสื้อ เป็นลวดลายไทย ลายเส้นสีทอง มีข้อความภาษาอังกฤษ เขียนว่า “Help Nepal Earth quake” มาสกรีนจัดทำเสื้อยืดหารายได้ช่วยผู้ประสบภัย และจะมีการนำข้อความ “เช็ดน้ำตา หลั่งน้ำใจ ให้เนปาล”มาจัดทำเป็นเสื้อยืดอีกแบบด้วย
นอกจากนี้กลุ่มศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ จำนวน 10 คน ได้มอบผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม มาทำการประมูลหารายได้ ภายในเดือน พ.ค. นี้ นอกจากนี้ วธ.ยังร่วมกับมูลนิธิสุนทราภรณ์ จัดคอนเสิร์ต ศิลปินไทยรวมใจช่วยผู้ประสบภัยเนปาล ในวันที่ 10 พ.ค. ที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยจะมีการถ่ายทอดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เพื่อเปิดรับเงินบริจาค โดยรายได้ทั้งหมดจะส่งผ่านเข้ากองทุนของรัฐบาล ชื่อว่า หัวใจไทย ส่งไปเนปาล ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-10330-6 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 เม.ย. เวลา 09.00 น. ที่ หอประชุม หอสมุดแห่งชาติ 5 ศาสนิกสัมพันธ์ จะร่วมจัดพิธีศาสนามหามงคล เพื่อขอพร และอุทิศส่วนกุศล ให้แก่ผู้เสียชีวิตแก่เหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมทั้งจะมีการตั้งกล่องรับบริจาคด้วย
****รับ20นักท่องเที่ยวกลับจากเนปาล
นายรุจ ธรรมมงคล รองอธิบดี กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางกลับจากเนปาลด้วย เครื่องบินการบินไทย เที่ยวบิน TG 3209 จำนวน 20 คน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ที่ผ่านมา ขณะที่ นักท่องเที่ยวอีกราว 40-50 คน จะเดินทางกลับมาพร้อมกับ เครื่องบิน C130ของกองทัพอากาศ ซึ่งจะลงจอดที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบินที่ 6 เวลาประมาณ 23.00 น. ของวันนี้ อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่าจะดำเนินการช่วยเหลือคนไทย ในเนปาล ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ จนกว่าจะครบทั้งหมด ขณะที่การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ในเวลานี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้คนไทยที่เนปาล ที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยจำนวน 58 คน กำลังเดินทางขึ้นเครื่องบินกองทัพอากาศ C-130 คาดว่าออกจากเนปาล 18.00น. และ ถึง บน.6 เวลาประมาณ 23.00 น.