กระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเนปาล ฉบับที่ 5 เผยเครื่องซี-130 เที่ยวกลับพร้อมรับคนไทยที่เนปาลกลับประเทศ มีคนไทยแจ้งขอกลับ 30-40 คน ด้าน “ปลัดบัวแก้ว” มอบเงินช่วยเหลือแก่รัฐบาลเนปาล 200,000 เหรียญสหรัฐ ผ่านเอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย เผย คนไทย 44 คนยังพำนักในสถานทูตทุกคนปลอดภัย มท.1 สั่ง ผวจ.ตั้งศูนย์รับบริจาค
วันนี้ (28 เม.ย.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ที่ประเทศเนปาล กระทรวงมหาดไทยจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงิน หรือสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคเงิน สิ่งของ และปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต เช่น อาหารสำเร็จรูป ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่มและเครื่องกันหนาว พร้อมทั้งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์รับบริจาคฯ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวบรวมและประสานส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวประเทศเนปาลต่อไป ทั้งนี้ สามารถบริจาคเงินและสิ่งของได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ และศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย
วันเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กองทัพอากาศได้จัดเครื่องบิน ซี-130 จำนวน 1 ลำ พร้อมชุดช่วยเหลือทางการแพทย์ ทหารช่าง อุปกรณ์ผลิตน้ำดื่ม ข้าวสาร ผ้าห่ม เต็นท์ เดินทางไปยังประเทศเนปาลแล้วในวันนี้เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นชุดแรก และจะรอรับคนไทยเดินทางกลับประเทศแช่นกัน โดยตอนนี้มีผู้แจ้งขอกลับประเทศไทยประมาณ 30-40 คน ส่วนคนไทยที่พำนักในสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ขณะนี้มีจำนวน 45 คน ทุกคนปกติสุขดี
ขณะที่กรณีของนักศึกษาแพทย์ชาวไทย 6 คนที่อยู่ในเมืองโพคารานั้น สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ กำลังประสานให้เดินทางโดยรถยนต์ไปยังกรุงกาฐมาณฑุ สำหรับความช่วยเหลือชุดต่อไป หน่วยงานต่างๆ พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ เช่น การตรวสอบอัตลักษณ์ การแพทย์ เป็นต้น แต่ความช่วยเหลือจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของทางเนปาล อย่างไรก็ตาม การบริจาคสิ่งของไปช่วยเหลือทางเนปาลนั้นควรเป็นของที่ยังไม่เคยใช้งาน และถ้าเป็นอาหารแห้ง ขอให้หลีกเลี่ยงส่วนผสมของเนื้อวัวเนื่องจากชาวเนปาลส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู
มีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ให้ข้อมูลและพัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเนปาล ฉบับที่ 5 โดย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากองทัพอากาศ ได้จัดเครื่องบิน C-130 จำนวน 1 เครื่อง ให้ออกเดินทางไปยังประเทศเนปาลโดยได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ โดยคณะเดินทางชุดแรกดังกล่าวมีรองเจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วยชุดสื่อสารของกองบัญชาการกองทัพไทย ชุดช่วยเหลือทางการแพทย์พร้อมเวชภัณฑ์และชุดทหารช่างของกองทัพบก รวมทั้งอุปกรณ์ผลิตน้ำดื่ม ข้าวสาร ผ้าห่ม และเต็นท์ ซึ่งจะเป็นการเข้าไปช่วยเหลือในเบื้องต้น ทั้งนี้ในเที่ยวกลับเครื่องบิน C-130 พร้อมที่จะรับคนไทยที่เนปาลกลับมายังประเทศไทย ขณะนี้มีคนไทยทยอยแสดงความประสงค์ผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุแล้ว
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ รายงานว่า คืนที่ผ่านมา (27 เม.ย) มีคนไทยพำนักอยู่ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯจำนวน 44 คน ทุกคนปกติสุขดี ส่วนนิสิตแพทย์ที่เดินทางมาปีนเขา 6 คนปัจจุบันพำนักที่เมืองโพคาราเนื่องจากมีการระงับเที่ยวบินภายในประเทศเป็นการชั่วคราว สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ในระหว่างการประสานใช้เส้นทางทางรถยนต์ที่เหมาะสมและปลอดภัยมายังกรุงกาฐมาณฑุ โดยปกติจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
ขณะที่มีทีมแพทย์ฉุกเฉินจากกระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปประเทศเนปาลโดยเที่ยวบินการบินไทยเที่ยวบินปกติเพื่อให้การช่วยเหลือในเนปาล
มีรายงานว่า นายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่รัฐบาลเนปาล จากรัฐบาลไทยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 200,000เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,000,000 บาท ให้แก่นายขคนาถ อธิการี เอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย
นอกจากนั้น กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งการจัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือประเทศเนปาล โดยบริจาคไปที่ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ที่กรุงเทพฯ หรือศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัดในท้องถิ่นอื่นๆ ทั้งนี้ การบริจาคสิ่งของช่วยเหลือ ควรเป็นสิ่งของใหม่ที่ยังมิได้มีการใช้ และสำหรับอาหารก็ควรยกเว้นสารเจือปนที่มีเนื้อวัว โดยหมายเลขติดต่อของ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกาฐมาณฑุ คือ หมายเลขฮอตไลน์ +977 980 106 9233 และ +977 984 124 2094 ส่วนในประเทศไทยสามารถติดต่อกองคุ้มครองฯ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่หมายเลขฮอตไลน์ 08-5911-4076 และ 09-4033-7190-2 ระหว่างเวลา 08-00-22.00 น.ทุกวัน