ชาวเนปาลที่ยังอยู่ในอาการหวาดผวา ต้องใช้ชีวิตอาศัยในเต็นท์กลางแจ้ง และเฝ้ารอความช่วยเหลือหลังแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 80 ปี ที่ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจนถึงค่ำวันจันทร์ (27เม.ย.) เพิ่มเป็นกว่า 3,800 คน ขณะที่ทีมกู้ภัยจากนานาชาติซึ่งทยอยเดินทางมาถึง ประสานงานทีมปฏิบัติการเนปาล เร่งรีบค้นหาผู้รอดชีวิตท่ามกลางอาคารสิ่งปลูกสร้างที่หักพัง
ทีมกู้ภัยที่มีเครื่องมือตัดเหล็กและสิ่งของบรรเทาทุกข์ หลั่งไหลอย่างไม่ขาดสายจากทั่วโลกเข้าสู่เนปาล เพื่อร่วมปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวความแรง 7.8 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (25)
เจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่ายแถลงว่า จนถึงตอนค่ำวันจันทร์นั้น ทราบแล้วว่าธรณีพิโรธคราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 3,800 คน เฉพาะในเนปาลก็เป็นจำนวน 3,793 คน ทำให้กลายเป็นภัยพิบัติครั้งที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดของประเทศซึ่งอยู่ติดเทือกเขาหิมาลัยและเผชิญกับแผ่นดินไหวเป็นประจำแห่งนี้
นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตกว่า 90 คนในชาติเพื่อนบ้านอย่างอินเดียและจีน ขณะที่จำนวนผู้ได้บาดเจ็บเฉพาะในเนปาลอยู่ที่ 6,509 คน
ชาวเนปาลในเมืองหลวงกาฐมาณฑุ พากันไปพำนักอย่างแออัดอยู่ในสวนสาธารณะและพื้นที่โล่งอื่นๆ หลังจากแผ่นดินไหวทำลายบ้านพังพินาศไปเป็นจำนวนมาก มิหนำซ้ำยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกเกือบ 100 ครั้ง ส่งผลให้แม้กระทั่งประชาชนรายที่บ้านไม่เสียหายก็ไม่กล้ากลับไปยังที่พักอาศัย ถึงแม้คนจำนวนมากมีเพียงแผ่นพลาสติกเท่านั้นที่จะใช้ป้องกันความหนาวและสายฝนที่เทลงมา ผู้คนเหล่านี้กำลังตั้งตารอความช่วยเหลือจากต่างชาติ รวมทั้งพยายามหาข้อมูลข่าวสาร ท่ามกลางความสับสนเนื่องจากทั้งระบบโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตล้วนถูกตัดขาด หรือใช้ได้เพียงในบางพื้นที่เท่านั้น
รายงานขององค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า เนปาลมีแพทย์เพียง 2.1 คนและเตียงคนไข้ 50 เตียงสำหรับประชาชนทุก 10,000 คน
ทางด้านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่า เด็กเกือบล้านคนในพื้นที่ประสบภัยต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร่งด่วน
ส่วน ลักษมี ปราสาท ดากัล โฆษกกระทรวงมหาดไทยเผยว่า เนปาลต้องการน้ำสะอาดและอุปกรณ์ยังชีพอื่นๆ จำนวนมากเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้รอดชีวิต รวมถึงความช่วยเหลือและอุปกรณ์ด้านปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยนอกเมืองหลวง เช่น เฮลิคอปเตอร์
ทีมกู้ภัยที่มีเครื่องมือตัดเหล็กและสิ่งของบรรเทาทุกข์ หลั่งไหลอย่างไม่ขาดสายจากทั่วโลกเข้าสู่เนปาล เพื่อร่วมปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวความแรง 7.8 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (25)
เจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่ายแถลงว่า จนถึงตอนค่ำวันจันทร์นั้น ทราบแล้วว่าธรณีพิโรธคราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 3,800 คน เฉพาะในเนปาลก็เป็นจำนวน 3,793 คน ทำให้กลายเป็นภัยพิบัติครั้งที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดของประเทศซึ่งอยู่ติดเทือกเขาหิมาลัยและเผชิญกับแผ่นดินไหวเป็นประจำแห่งนี้
นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตกว่า 90 คนในชาติเพื่อนบ้านอย่างอินเดียและจีน ขณะที่จำนวนผู้ได้บาดเจ็บเฉพาะในเนปาลอยู่ที่ 6,509 คน
ชาวเนปาลในเมืองหลวงกาฐมาณฑุ พากันไปพำนักอย่างแออัดอยู่ในสวนสาธารณะและพื้นที่โล่งอื่นๆ หลังจากแผ่นดินไหวทำลายบ้านพังพินาศไปเป็นจำนวนมาก มิหนำซ้ำยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกเกือบ 100 ครั้ง ส่งผลให้แม้กระทั่งประชาชนรายที่บ้านไม่เสียหายก็ไม่กล้ากลับไปยังที่พักอาศัย ถึงแม้คนจำนวนมากมีเพียงแผ่นพลาสติกเท่านั้นที่จะใช้ป้องกันความหนาวและสายฝนที่เทลงมา ผู้คนเหล่านี้กำลังตั้งตารอความช่วยเหลือจากต่างชาติ รวมทั้งพยายามหาข้อมูลข่าวสาร ท่ามกลางความสับสนเนื่องจากทั้งระบบโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตล้วนถูกตัดขาด หรือใช้ได้เพียงในบางพื้นที่เท่านั้น
รายงานขององค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า เนปาลมีแพทย์เพียง 2.1 คนและเตียงคนไข้ 50 เตียงสำหรับประชาชนทุก 10,000 คน
ทางด้านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่า เด็กเกือบล้านคนในพื้นที่ประสบภัยต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร่งด่วน
ส่วน ลักษมี ปราสาท ดากัล โฆษกกระทรวงมหาดไทยเผยว่า เนปาลต้องการน้ำสะอาดและอุปกรณ์ยังชีพอื่นๆ จำนวนมากเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้รอดชีวิต รวมถึงความช่วยเหลือและอุปกรณ์ด้านปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยนอกเมืองหลวง เช่น เฮลิคอปเตอร์