ศ. น.พ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลการปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข ในการรับมือกับปัญหาอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ในรอบ 4 วันที่ผ่านมาพบว่าได้ผลดี ประชาชนโทรแจ้งสายด่วนหมายเลข1669จำนวน 2,845 ครั้ง ทีมแพทย์กู้ชีพออกปฏิบัติงาน 4,445 ครั้ง เฉลี่ยเกือบทุกนาที ในจำนวนนี้เป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 3,740 ราย คิดเป็นร้อยละ 88 ของผู้บาดเจ็บทั้งหมด ทีมกู้ชีพออกปฏิบัติการได้ในเวลา 10 นาที ร้อยละ 81 ส่วนในโรงพยาบาลสามารถรับมือได้ดี
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ ซึ่งพบว่าทุกปีจะเป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้สั่งการให้หน่วยงานในสั่งกัดเข้มข้น ใน 3 มาตรการ ได้แก่ 1.ด่านชุมชนสกัดไม่ให้มีการเมาแล้วขับ โดยให้ อสม.ร่วมกับผู้นำชุมชนออกตรวจเตือนกลุ่มเสี่ยงให้ดื่มเหล้าในบ้าน ผู้ขับมอเตอร์ไซค์ให้ใส่หมวกกันน็อก ซึ่งจากการติดตามใกล้ชิดใน 8 จังหวัด 15 อำเภอ 160 ด่านชุมชน ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เป็นต้นมา ได้ผลดีมาก ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยได้สกัดผู้ที่ดื่มสุราได้หลายราย บางรายเป็นผู้ขับขี่ดื่มสุราและมีแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 223 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ได้สกัดไว้และให้ญาติมารับตัวกลับบ้าน ซึ่งหากปล่อยให้ขับรถไปจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์กว่า 40 เท่าตัว ขอความร่วมมือสมาชิกครอบครัวและผู้ร่วมเดินทางช่วยดูแลผู้ขับขี่ที่สภาพร่ากายไม่พร้อม เช่น เมา หรือง่วง ไม่ให้ขับ และควรพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมก่อนขับขี่
2.เพิ่มกำลังแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉิน เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ซึ่งขณะนี้เขตสุขภาพทุกเขตเตรียมพร้อมโรงพยาบาลและระบบการส่งต่อผู้ป่วยแบบไร้รอยต่ออย่างเต็มที่ และ 3.ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ออกตรวจควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ ซึ่งพบว่าทุกปีจะเป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้สั่งการให้หน่วยงานในสั่งกัดเข้มข้น ใน 3 มาตรการ ได้แก่ 1.ด่านชุมชนสกัดไม่ให้มีการเมาแล้วขับ โดยให้ อสม.ร่วมกับผู้นำชุมชนออกตรวจเตือนกลุ่มเสี่ยงให้ดื่มเหล้าในบ้าน ผู้ขับมอเตอร์ไซค์ให้ใส่หมวกกันน็อก ซึ่งจากการติดตามใกล้ชิดใน 8 จังหวัด 15 อำเภอ 160 ด่านชุมชน ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เป็นต้นมา ได้ผลดีมาก ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยได้สกัดผู้ที่ดื่มสุราได้หลายราย บางรายเป็นผู้ขับขี่ดื่มสุราและมีแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 223 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ได้สกัดไว้และให้ญาติมารับตัวกลับบ้าน ซึ่งหากปล่อยให้ขับรถไปจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์กว่า 40 เท่าตัว ขอความร่วมมือสมาชิกครอบครัวและผู้ร่วมเดินทางช่วยดูแลผู้ขับขี่ที่สภาพร่ากายไม่พร้อม เช่น เมา หรือง่วง ไม่ให้ขับ และควรพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมก่อนขับขี่
2.เพิ่มกำลังแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉิน เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ซึ่งขณะนี้เขตสุขภาพทุกเขตเตรียมพร้อมโรงพยาบาลและระบบการส่งต่อผู้ป่วยแบบไร้รอยต่ออย่างเต็มที่ และ 3.ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ออกตรวจควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด