สธ. ออกตรวจขายเหล้าช่วงก่อนสงกรานต์พบทำผิด กม. 207 ราย กว่าครึ่งผิดเรื่องโฆษณาลดแลกแจกแถม รองลงมาขายในที่ต้องห้าม สั่ง จนท. สธ. พบเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เมาให้สาวถึงแหล่งต้นตอขาย พร้อมสั่ง รพ. รับมืออุบัติเหตุสงกรานต์ ทั้งจุดเกิดเหตุ ใน รพ. และการส่งต่อ
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงเป็นปัจจัยอันดับ 1 ก่อให้เกิดอุบัติเหตถในช่วงสงกรานต์ ทั้งนี้ จะขยายผลการตรวจก่อนและหลังเทศกาลสงกรานต์ 7 วัน จากเดิมตรวจ 9 - 10 วัน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 21 วัน เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เพื่อร่วมกันสร้างสังคมไทยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ โดยในกลุ่มของผู้บาดเจ็บ หรือผู้เสียชีวิต หากพบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดำเนินการสอบสวนและประสานความร่วมมือตำรวจสาวถึงแหล่งจำหน่ายที่กระทำผิดกฎหมาย
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ผลการตรวจการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกับตำรวจกองปราบ ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 2 -9 เม.ย. 2558 ตรวจสอบทั้งสิ้น 988 รายใน 25 จังหวัด พบผู้กระทำผิดและดำเนินคดี 207 ราย บางรายกระทำผิดมากกว่า 1 ฐานความผิด โดยความผิดอันดับ 1 คือ การโฆษณาสื่อสารการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 119 ราย หรือกว่าครึ่งของผู้กระทำผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 50,000 บาทจนกว่าจะเลิกโฆษณา รองลงมาคือ ขายด้วยวิธีการต้องห้ามเช่น ลด แลก แจก แถม จำนวน 51 ราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังพบขายในเวลาห้ามขาย ขายในสถานที่ห้ามขาย ขายโดยไม่มีใบอนุญาต ดื่มในสถานที่ต้องห้าม ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
นพ.อำนวย กาจีนะ รองปลัด สธ. กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยม รพ.ปทุมธานี และด่านชุมชนถนนปทุม - รังสิต เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และติดตามความพร้อมการรับมืออุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง โดยเฉพาะที่อยู่บนเส้นทางหลวงซึ่งมีประมาณ 300 แห่ง เพิ่มอัตรากำลังเป็นพิเศษ เนื่องจากปริมาณการใช้รถใช้ถนนในช่วงเดินทางขาออกในวันที่ 10 - 11 เม.ย. มีมากกว่าช่วงปกติ ทั้งได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินงานตามมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน และให้บุคลากรในสังกัดฯ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน โดยการเตรียมพร้อมรับมือมี 3 ระบบ ดังนี้ 1. การดูแลผู้บาดเจ็บ/เจ็บป่วยฉุกเฉินที่จุดเกิดเหตุ โดยจัดเตรียมทีมแพทย์กู้ชีพ รถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ กว่า 14,000 คัน ระบบการสื่อสารรับแจ้งเหตุหมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง 2. เตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล ทั้งห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด คลังเลือด หอผู้ป่วยหนัก ทีมแพทย์เฉพาะทาง และ 3. จัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่อาการรุนแรงแบบไร้รอยต่อให้ได้รับความปลอดภัยที่สุด
“จากการตรวจเยี่ยม รพ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในเขตปริมณฑล การจราจรทางถนนคับคั่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากเป็นรอยต่อเส้นทางเชื่อมสู่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่า จะมีรถเพิ่มจากปกติประมาณ 4 เท่าตัว ได้มีการเตรียมพร้อมรองรับอุบัติเหตุ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด แขวงการทาง เทศบาล ตำรวจ ขนส่ง ท้องถิ่น และมูลนิธิ โดยออกตรวจจุดเสี่ยงเกิดปัญหาอุบัติเหตุบนถนนสายหลักและสายรองที่มี 46 จุด อาทิ ทางต่างระดับ ถนนวงแหวนตะวันออก จุดกลับรถหน้าบริษัทซีพี หน้าโรงไฟฟ้าเชียงรากน้อย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไข เพิ่มความปลอดภัยแล้ว ในด้านการแพทย์ ได้ใช้แผน 3 เร็ว 2 ดี คือ โทรเร็ว รับเร็ว ส่งเร็ว บริการดีทั้งนอกและใน รพ. โดย รพ.ปทุมธานี เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการเตรียมหน่วยกู้ชีพทุกระดับครอบคลุม 7 อำเภอ จำนวน 48 ทีม รถกู้ชีพ 237 คัน พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บ 24 ราย เสียชีวิต 7 ราย ส่วนใหญ่เกิดเหตุบนทางหลวง สาเหตุขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ” รองปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่