นายชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ ประธานชุมชนวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี เปิดเผยว่า กลุ่มชาวบ้านชุมชนวัดกัลยาณ์ขอชื่นชม นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร ที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในการทำลายโบราณสถานวัดกัลยาณมิตร ซึ่งถือว่ามาช่วยชุมชนดูแลมรดกของชาติและใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาชุมชนเคยขอความช่วยเหลือจากอธิบดีกรมศิลปากรมาแล้วถึง 5 คน เพื่อให้ช่วยตรวจสอบการทำลายโบราณสถานของวัด แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าหรือมีการแจ้งความจริงแล้วคดีก็เงียบหายไป
อย่างไรก็ตามขณะนี้เท่าที่ทราบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้รับเหมาได้แล้วและกำลังขยายผลไปยังผู้ว่าจ้างที่อยู่ในขบวนการทำลายโบราณสถานคาดว่าไม่นานคงจะได้รับทราบผลชัดเจน
“ตั้งแต่ พระพรหมกวี เจ้าอาวาส มาอยู่ที่วัดเมื่อทำการบูรณะ หรือ ทุบทำลายโบราณสถาน ก็ไม่เคยมีการหารือหรือปรึกษากับชุมชน มีแต่มาขออนุญาตกรมศิลปากรภายหลัง หรือไม่ก็ไม่ขออนุญาตเลย อีกทั้งทางวัดยังพยายามออกข่าวโจมตีใส่ร้ายชาวบ้านในชุมชน ว่ามาหาผลประโยชน์กับวัด มีการมั่วสุมเสพยาเสพติด ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อีกแล้ว เพราะพวกเราเห็นว่า พระสงฆ์คือ ผู้เผยแผ่ศาสนาไม่ควรกล่าวใส่ร้ายใครด้วยความเท็จ” นายชัยสิทธิ์กล่าว
ประธานชุมชนวัดกัลยาณมิตร กล่าวว่า ตนได้หารือกับชุมชนแล้วว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะรวมตัวกันยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้มีการพิจารณาย้ายเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรออกจากวัดไปก่อน และให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วม 4 ฝ่ายเพื่อช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำลายโบราณสถานภายในวัด ประกอบด้วย พระสงฆ์ กรมศิลปากร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาคประชาชน เพื่อร่วมตรวจสอบข้อมูลอย่างโปร่งใส และแท้จริงว่าจริงๆแล้วตั้งแต่พระพรหมกวี เข้ามาดูแลวัดกัลยาณมิตร ได้ทำลายโบราณสถานไปกี่แห่ง อะไรบ้าง รวมทั้งพระพุทธรูปสำคัญๆ โบราณวัตถุอีกจำนวนหนึ่ง ที่เมื่อก่อนมีมากกว่า100 องค์ แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบองค์เท่านั้น ส่วนที่เหลือถูกเคลื่อนย้ายและหายไปอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งหากผลการตรวจสอบ สรุปผลว่า ไม่ได้มีความผิดก็อาจจะให้ย้ายกลับมาทำหน้าที่ตามเดิมได้ นอกจากนี้ กลุ่มชาวบ้านจะร่วมมือกันเฝ้าระวังสอดส่อง ดูแลไม่ให้มีผู้ใดมาบุกรุก และทำลายโบราณสถานเพิ่มเติมอีก
อย่างไรก็ตามขณะนี้เท่าที่ทราบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้รับเหมาได้แล้วและกำลังขยายผลไปยังผู้ว่าจ้างที่อยู่ในขบวนการทำลายโบราณสถานคาดว่าไม่นานคงจะได้รับทราบผลชัดเจน
“ตั้งแต่ พระพรหมกวี เจ้าอาวาส มาอยู่ที่วัดเมื่อทำการบูรณะ หรือ ทุบทำลายโบราณสถาน ก็ไม่เคยมีการหารือหรือปรึกษากับชุมชน มีแต่มาขออนุญาตกรมศิลปากรภายหลัง หรือไม่ก็ไม่ขออนุญาตเลย อีกทั้งทางวัดยังพยายามออกข่าวโจมตีใส่ร้ายชาวบ้านในชุมชน ว่ามาหาผลประโยชน์กับวัด มีการมั่วสุมเสพยาเสพติด ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อีกแล้ว เพราะพวกเราเห็นว่า พระสงฆ์คือ ผู้เผยแผ่ศาสนาไม่ควรกล่าวใส่ร้ายใครด้วยความเท็จ” นายชัยสิทธิ์กล่าว
ประธานชุมชนวัดกัลยาณมิตร กล่าวว่า ตนได้หารือกับชุมชนแล้วว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะรวมตัวกันยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้มีการพิจารณาย้ายเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรออกจากวัดไปก่อน และให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วม 4 ฝ่ายเพื่อช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำลายโบราณสถานภายในวัด ประกอบด้วย พระสงฆ์ กรมศิลปากร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาคประชาชน เพื่อร่วมตรวจสอบข้อมูลอย่างโปร่งใส และแท้จริงว่าจริงๆแล้วตั้งแต่พระพรหมกวี เข้ามาดูแลวัดกัลยาณมิตร ได้ทำลายโบราณสถานไปกี่แห่ง อะไรบ้าง รวมทั้งพระพุทธรูปสำคัญๆ โบราณวัตถุอีกจำนวนหนึ่ง ที่เมื่อก่อนมีมากกว่า100 องค์ แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบองค์เท่านั้น ส่วนที่เหลือถูกเคลื่อนย้ายและหายไปอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งหากผลการตรวจสอบ สรุปผลว่า ไม่ได้มีความผิดก็อาจจะให้ย้ายกลับมาทำหน้าที่ตามเดิมได้ นอกจากนี้ กลุ่มชาวบ้านจะร่วมมือกันเฝ้าระวังสอดส่อง ดูแลไม่ให้มีผู้ใดมาบุกรุก และทำลายโบราณสถานเพิ่มเติมอีก
