กรมศิลปากรแจ้งความจับผู้ทำลายโบราณสถานภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่ มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี หลังจากขึ้นทะเบียนไว้แล้วตั้งแต่ปี 46 ตร.เตรียมสอบสวนหาคนผิด หากเจ้าอาวาสวัดเกี่ยวข้องจะเรียกมาสอบด้วย
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ สน.บุปผาราม นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม และ พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บุปผาราม เพื่อให้ดำเนินการต่อผู้สั่งการและคนงานซึ่งทำลายโบราณสถานสำคัญภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม.
นายบวรเวทกล่าวว่า วันนี้ตนมาเพื่อดำเนินคดีกับผู้ทำลายโบราณสถานภายในวัดกัลยาณ์ ซึ่งทางกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเอาไว้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีปัญหากันมาตลอดตั้งแต่ ปี 2546 โดยมีชาวบ้านและหน่วยงานราชการแจ้งข้อมูลให้กับกรมศิลปากร ซึ่งเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา นิติกรของกรมศิลปากรพร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบโบราณสถานภายในวัด พบการกระทำผิดซึ่งหน้ามีคนงาน 2 คน กำลังรื้อหลังคาศาลารายจำนวน 1 ใน 4 ที่หลังตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัด โดยไม่แจ้งให้กรมศิลปากรทราบก่อน ทางนิติกรจึงบอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางไปด้วยทำการเข้าจับกุมคนงานทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม
ทั้งนี้ โบราณสถานภายในวัดกัลยาณ์ ปลูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ที่สำคัญกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์เอาไว้แล้ว ตามระเบียบทางผู้ใดต้องการปรับปรุงซ่อมแซมบูรณะเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งต่อกรมศิลปากรได้เพราะจะมีการส่งสถาปนิกและผู้เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมดำเนินการ แต่สำหรับผู้ดูแลวัดกัลยาณ์นั้นไม่ทำตามระเบียบ ละเมิดกฎหมายเป็นระยะ ตั้งแต่ปี 2546 จากกรณีรื้อถอนทำลายโบราณสถานจำนวน 17 ชนิด เช่น กุฏิพระสงฆ์ หอระฆัง หอกลอง หอสวดมนต์ และศาลาปั้นหยา การเดินทางมาแจ้งความในวันนี้ก็เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยจะดำเนินการทางอาญาก่อนในข้อหาทำลายโบราณสถาน
พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์กล่าวว่า จากนี้จะทำการสอบปากคำและตรวจหลักฐานที่นายบวรเวทนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ส่วนหลักฐานจะถึงใครบ้างนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะพระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสนั้น หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงก็จะต้องนิมนต์มาสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามกฎหมายด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยนายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการกองโบราณคดี กรมศิลปากร เดินทางออกจาก สน.บุปผาราม ไปตรวจสอบสภาพโบราณสถานตามจุดต่างๆ ที่ถูกรื้อถอนทำลายภายในวัดกัลยาณ์ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
นายบวรเวทกล่าวว่า หลังจากเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทาง ผกก.สน.บุปผารามแจ้งว่าจะขยายผลไปถึงผู้จ้างวานให้ได้ภายใน 1 เดือน โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา สามารถจับกุมคนงานก่อสร้างชาวกัมพูชาเอาไว้ ขณะกำลังรื้อหลังคาศาลาราย ซึ่งก็ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ทางกรมศิลปากรต้องการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้จ้างวานอยู่แล้ว ตนขอยืนยันจะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด