นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวิป สนช. เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ว่า วิป สนช.ได้หารือถึงการแต่งตั้งคนใกล้ชิดเข้ามาช่วยงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ชำนาญ ที่ปรึกษาประจำตัว สนช.จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างมาก ว่า การแต่งตั้งดังกล่าวแม้ไม่มีอะไรขัดหรือแย้งกับกฎระเบียบ แต่เมื่อสังคมได้ทักท้วงถึงความเหมาะสม สนช.ก็น้อมรับ และเห็นว่าควรจะเป็นสภาฯ ตัวอย่างเพื่อไม่ให้สังคมสงสัย วิป สนช.จึงได้ให้คำแนะนำว่าสมาชิกที่ได้ตั้งบุคคลใกล้ชิดและเครือญาติมาช่วยงานในตำแหน่งดังกล่าว ให้ปรับออกทั้งหมด โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2558 จึงหวังว่าสมาชิกจะดำเนินการเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีขึ้นทางการเมือง
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า จากการชี้แจงของสมาชิกหลายคนถึงเหตุผลตั้งคนในครอบครัวมาช่วยงาน เนื่องจากบางคนอยู่ต่างจังหวัด เมื่อมาทำงานในกรุงเทพฯ ก็จำเป็นต้องมีคนทำงานด้านมวลชนในพื้นที่ อีกทั้งยังมีเหตุผลทางด้านการเมืองและมีข้อมูลที่เป็นความลับ จึงจำเป็นต้องตั้งคนที่ไว้ใจได้ ไม่เช่นนั้นความลับจะรั่วไหล ประกอบกับเงินเดือนประจำตำแหน่งต่าง ๆ หากตั้งคนอื่นเกรงว่าจะไม่มีใครยอมมาทำงานให้ อย่างไรก็ตามเมื่อสังคมตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เหมาะสม เราก็ต้องแสดงสปิริต และต่อไปในอนาคตเมื่อมีการปฏิรูปก็ควรกำหนดเป็นระเบียบให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องถกเถียงกันต่อไป
เมื่อถามว่าจะแก้ไขกฎระเบียบเลยหรือไม่ นายสุรชัย ชี้แจงว่า เบื้องต้นเพื่อให้เกิดผลรวดเร็ว ก็ให้สมาชิกดำเนินการตามคำแนะนำของวิป สนช. แม้ไม่มีระเบียบ แต่เชื่อว่าจะไม่มีใครขัดข้อง ซึ่งสามารถแก้ไขภายหน้าได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีสมาชิกบางส่วนเริ่มทยอยให้คนใกล้ชิดลาออกจากตำแหน่งต่าง ๆ ไปบ้างแล้ว รวมทั้งให้เลขาธิการ สนช.ตรวจสอบข้อมูลว่ามีสมาชิกรายใดแต่งตั้งในลักษณะดังกล่าวอีก ต่อข้อถามว่าวันนี้ได้มีการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว นายสุรชัย กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเป็นเรื่องความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ซึ่ง สนช.ยังไม่ได้ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งได้แสดงสปิริตแล้ว จึงไม่มีอะไรน่าวิตกอีก
ด้านนายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช. ซึ่งตั้งบุตรชายมาช่วยงาน สนช. กล่าวว่า เรื่องตั้งเครือญาติมาช่วยงานไม่อยากแสดงความเห็น เพราะนายกฯ และประธาน สนช.บอกชัดเจนว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่ผ่านมา ส.ส.และ ส.ว.ก็ทำ แต่ไม่มีใครออกมาพูด มาพูดตอนนี้มีวาระซ่อนเร้นอะไร ต้องการทำลายความเชื่อมั่น สนช.ใช่หรือไม่ เป็นกระบวนการทำลายล้าง มันเป็นกระบวนการตั้งแต่เริ่ม ทำลายนายกฯ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ไล่มาถึง คสช. และสนช. ส่วนตำแหน่งลูกชายตนนั้น จบรัฐประศาสนศาสตร์ ให้มาทำงานในพื้นที่แทนตนทุกเรื่อง งานบวช งานแต่ง งานศพ ขึ้นบ้านใหม่ ผู้แทนอื่น ๆ ก็ทำแบบนี้ ถ้าบอกว่าไม่ดีก็ยกเลิก ไม่เป็นไร งานนี้ไม่มีใครอยากทำหรอก ได้เงินเดือน 14,000 บาท ใช้ลงพื้นที่สองสัปดาห์ก็หมดแล้ว ให้คนอื่นมาทำไม่มีใครเอา ถ้าไม่อยากให้ตั้งก็ตัดออก อยากได้ของดีราคาถูกโลกนี้มีที่ไหน ถ้าตราบใดยังชอบการเมืองก็ต้องทำแบบนี้ เอาเมีย เอาลูก พี่น้องมาทำ คนอื่นไม่มาทำให้หรอก อย่าไปพูดบนจินตนาการ ต้องพูดบนความเป็นจริง เงินเดือนให้เป็นแสนไม่พอ
ขณะที่นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งใน สนช.ที่ตั้งลูกสาวมาช่วยงาน แต่ได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะต้องไปเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา เรื่องนี้ถือว่าจบไปแล้ว จากนี้คงไม่ตั้งลูก เมีย ญาติเข้ามาทำงาน มิเช่นนั้นคงถูกโจมตีหนัก การแต่งตั้งลักษณะนี้ ก็มีมาตั้งแต่อดีต ทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และที่ตั้งลูกสาวเข้ามาเพราะเห็นว่ามาช่วยงานเรื่องข้อกฎหมาย การแปรญัตติ ซึ่งบรรทัดฐานเรื่องการตั้งเครือญาตินั้น กฎระเบียบไม่ได้ห้าม กรณีนี้เป็นเรื่องที่สังคมตั้งแง่ เนื่องจากเห็นว่าอาจมีประโยชน์ทับซ้อน
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า จากการชี้แจงของสมาชิกหลายคนถึงเหตุผลตั้งคนในครอบครัวมาช่วยงาน เนื่องจากบางคนอยู่ต่างจังหวัด เมื่อมาทำงานในกรุงเทพฯ ก็จำเป็นต้องมีคนทำงานด้านมวลชนในพื้นที่ อีกทั้งยังมีเหตุผลทางด้านการเมืองและมีข้อมูลที่เป็นความลับ จึงจำเป็นต้องตั้งคนที่ไว้ใจได้ ไม่เช่นนั้นความลับจะรั่วไหล ประกอบกับเงินเดือนประจำตำแหน่งต่าง ๆ หากตั้งคนอื่นเกรงว่าจะไม่มีใครยอมมาทำงานให้ อย่างไรก็ตามเมื่อสังคมตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เหมาะสม เราก็ต้องแสดงสปิริต และต่อไปในอนาคตเมื่อมีการปฏิรูปก็ควรกำหนดเป็นระเบียบให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องถกเถียงกันต่อไป
เมื่อถามว่าจะแก้ไขกฎระเบียบเลยหรือไม่ นายสุรชัย ชี้แจงว่า เบื้องต้นเพื่อให้เกิดผลรวดเร็ว ก็ให้สมาชิกดำเนินการตามคำแนะนำของวิป สนช. แม้ไม่มีระเบียบ แต่เชื่อว่าจะไม่มีใครขัดข้อง ซึ่งสามารถแก้ไขภายหน้าได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีสมาชิกบางส่วนเริ่มทยอยให้คนใกล้ชิดลาออกจากตำแหน่งต่าง ๆ ไปบ้างแล้ว รวมทั้งให้เลขาธิการ สนช.ตรวจสอบข้อมูลว่ามีสมาชิกรายใดแต่งตั้งในลักษณะดังกล่าวอีก ต่อข้อถามว่าวันนี้ได้มีการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว นายสุรชัย กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเป็นเรื่องความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ซึ่ง สนช.ยังไม่ได้ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งได้แสดงสปิริตแล้ว จึงไม่มีอะไรน่าวิตกอีก
ด้านนายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช. ซึ่งตั้งบุตรชายมาช่วยงาน สนช. กล่าวว่า เรื่องตั้งเครือญาติมาช่วยงานไม่อยากแสดงความเห็น เพราะนายกฯ และประธาน สนช.บอกชัดเจนว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่ผ่านมา ส.ส.และ ส.ว.ก็ทำ แต่ไม่มีใครออกมาพูด มาพูดตอนนี้มีวาระซ่อนเร้นอะไร ต้องการทำลายความเชื่อมั่น สนช.ใช่หรือไม่ เป็นกระบวนการทำลายล้าง มันเป็นกระบวนการตั้งแต่เริ่ม ทำลายนายกฯ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ไล่มาถึง คสช. และสนช. ส่วนตำแหน่งลูกชายตนนั้น จบรัฐประศาสนศาสตร์ ให้มาทำงานในพื้นที่แทนตนทุกเรื่อง งานบวช งานแต่ง งานศพ ขึ้นบ้านใหม่ ผู้แทนอื่น ๆ ก็ทำแบบนี้ ถ้าบอกว่าไม่ดีก็ยกเลิก ไม่เป็นไร งานนี้ไม่มีใครอยากทำหรอก ได้เงินเดือน 14,000 บาท ใช้ลงพื้นที่สองสัปดาห์ก็หมดแล้ว ให้คนอื่นมาทำไม่มีใครเอา ถ้าไม่อยากให้ตั้งก็ตัดออก อยากได้ของดีราคาถูกโลกนี้มีที่ไหน ถ้าตราบใดยังชอบการเมืองก็ต้องทำแบบนี้ เอาเมีย เอาลูก พี่น้องมาทำ คนอื่นไม่มาทำให้หรอก อย่าไปพูดบนจินตนาการ ต้องพูดบนความเป็นจริง เงินเดือนให้เป็นแสนไม่พอ
ขณะที่นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งใน สนช.ที่ตั้งลูกสาวมาช่วยงาน แต่ได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะต้องไปเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา เรื่องนี้ถือว่าจบไปแล้ว จากนี้คงไม่ตั้งลูก เมีย ญาติเข้ามาทำงาน มิเช่นนั้นคงถูกโจมตีหนัก การแต่งตั้งลักษณะนี้ ก็มีมาตั้งแต่อดีต ทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และที่ตั้งลูกสาวเข้ามาเพราะเห็นว่ามาช่วยงานเรื่องข้อกฎหมาย การแปรญัตติ ซึ่งบรรทัดฐานเรื่องการตั้งเครือญาตินั้น กฎระเบียบไม่ได้ห้าม กรณีนี้เป็นเรื่องที่สังคมตั้งแง่ เนื่องจากเห็นว่าอาจมีประโยชน์ทับซ้อน
