นายยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2558 ว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทุกประเทศรวมทั้งไทยมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในทวีปแอฟริกาตะวันตก ซึ่งไทยได้มีมาตรการในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคอย่างเข้มแข็ง ผลการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ระบาดไม่พบผู้ป่วยแม้แต่รายเดียว ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของใน 3 ประเทศแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ กินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน จนถึงปัจจุบันพบผู้ป่วย 22,894ราย เสียชีวิต 9,177ราย แนวโน้มการพบผู้ป่วยรายใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง แต่ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ คณะกรรมการฯ จึงยังคงให้ดำเนินมาตรการต่างๆ ในการป้องกันโรคนี้ต่อไปอย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง รวมถึงเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โรคไวรัสเมอร์สโควี รวมทั้งโรคติดต่ออุบัติใหม่อื่นๆ ที่มีแนวโน้มรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นทุก 2-3 ปี
นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายกำจัดโรคติดต่อเดิมคือ โรคพิษสุนัขบ้า ให้หมดไปภายในปี 2563 และการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่จากสัตว์สู่คน เช่น ไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสนิปาห์ที่มีค้างคาวเป็นพาหะ
ข้อมูลในปี 2556 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เฝ้าระวังและสุ่มตรวจในค้างคาว 16 ชนิด รวม 1,399 ตัวอย่างใน 15 จังหวัด พบเชื้อไวรัสนิปาห์ 21 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 1.5 ของตัวอย่างทั้งหมด แม้จะยังไม่พบโรคนี้ในคนและปศุสัตว์อื่นๆ แต่ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เช่น ไม่กินผลไม้ที่ถูกค้างคาวกัดทิ้งไว้ รวมทั้งแนะนำนักท่องเที่ยวที่ชมถ้ำค้างคาว ต้องระมัดระวังไม่สัมผัสกับค้างคาวหรือมูลค้างคาว เพราะอาจติดเชื้อไวรัสนี้ได้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการเฝ้าระวังร่วมกัน ทั้งในสัตว์ป่า ปศุสัตว์ และในคน
นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายกำจัดโรคติดต่อเดิมคือ โรคพิษสุนัขบ้า ให้หมดไปภายในปี 2563 และการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่จากสัตว์สู่คน เช่น ไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสนิปาห์ที่มีค้างคาวเป็นพาหะ
ข้อมูลในปี 2556 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เฝ้าระวังและสุ่มตรวจในค้างคาว 16 ชนิด รวม 1,399 ตัวอย่างใน 15 จังหวัด พบเชื้อไวรัสนิปาห์ 21 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 1.5 ของตัวอย่างทั้งหมด แม้จะยังไม่พบโรคนี้ในคนและปศุสัตว์อื่นๆ แต่ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เช่น ไม่กินผลไม้ที่ถูกค้างคาวกัดทิ้งไว้ รวมทั้งแนะนำนักท่องเที่ยวที่ชมถ้ำค้างคาว ต้องระมัดระวังไม่สัมผัสกับค้างคาวหรือมูลค้างคาว เพราะอาจติดเชื้อไวรัสนี้ได้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการเฝ้าระวังร่วมกัน ทั้งในสัตว์ป่า ปศุสัตว์ และในคน