วานนี้ (3 ก.พ.) น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) กล่าวว่า นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือคำสั่งผ่านทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขที่ 0507 3177 ลงวันที่ 30 ม.ค. 58 มีคำสั่งให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำ ร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ กลับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มีข้อท้วงติงในเรื่องให้บริษัทยา ต้องรายงานโครงสร้างราคายา ซึ่งเป็นการคัดลอกข้อท้วงติงจากหนังสือของ บริษัทยาสหรัฐฯ ที่ได้ทำหนังสือถึง นายยงยุทธ รมว.สาธารณสุข รมว.พาณิชย์ รมว.ต่างประเทศ และ รมว.คลัง โดยอ้างว่า เป็นการกีดขวางการวิจัยและพัฒนายาในอนาคต แต่กลับไม่เคยรับฟังข้อมูลจากนักวิชาการด้านสาธารณสุข หรือภาคประชาสังคมเลย แต่นำข้อเสนอของบริษัทยาข้ามชาติมาผลักดันต่อ
"ร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ กำหนดให้ยื่นโครงสร้างราคายา และข้อมูลสิทธิบัตรในการขอขึ้นทะเบียนตำรับยา ตรงนี้จะเป็นผลดีต่อการควบคุมราคายาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาของประชาชน ซึ่งการทำเช่นนี้ของนายยงยุทธ์ ถือเป็นการขวาง ร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่หรือไม่ ทั้งนี้ นายยงยุทธ์ ต้องชี้แจงประเด็นดังกล่าว เพราะ ร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ ก็กำหนดชัดเจน ไม่อนุญาตให้ตัวแทนบริษัทยาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยา เพราะจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ตัวนายยงยุทธนั้น มีน้องสะใภ้เคยทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของสมาคมบริษัทยาข้ามชาติในประเทศไทย ที่วิ่งล็อบบี้เรื่องนี้อย่างเข้มข้น ซึ่งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้ห้ามเฉพาะนักการเมือง แต่เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับบรรดาผู้มีอำนาจจากการแต่งตั้งรัฐประหาร ด้วยเช่นกัน" น.ส.กรรณิการ์ กล่าว
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวว่า ถือเป็นความขัดแย้งในตัวเองอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ครม. เป็นเดือดเป็นร้อน กับข้อวิจารณ์ของผู้ช่วยรัฐมนตรีสหรัฐฯ เรื่องการเมือง และการคงอยู่ของกฎอัยการศึก แต่เมื่อถึงคราวการแทรกแซงกฎหมายไทย และการกำหนดนโยบายสาธารณะของประเทศไทยที่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน รัฐบาลกลับเดินตามความต้องการของทุนสหรัฐฯ อย่างที่ไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้งด้วยข้อมูลตามหลักวิชาการ ดังนั้น ทางกลุ่มฯจึงขอเรียกร้องให้การพิจารณาของหน่วยงานก่อนการเข้า ครม.นั้น จะต้องมีส่วนร่วมของนักวิชาการ และภาคประชาสังคม และขอให้ คสช. และรัฐบาล รักษาหลักธรรมาภิบาลและความไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนตามที่อ้างเสมอ
ด้าน ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดงานแผนการพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) กล่าวว่า การปรับปรุง ร่าง พ.ร.บ.ยา เป็นเรื่องสำคัญในการคุ้มครองสุขภาพคนไทย ทางแผนการพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยาสนับสนุนร่างของ สธ. แม้ว่าจะเห็นว่า บางประเด็นจะสามารถแก้ไขให้เข้มข้นด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการจัดการกับการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรมได้อีกตามร่างกฎหมายฉบับประชาชน ซึ่งทาง กพย. พร้อมที่จะเสนอในการพิจารณาในขั้น สนช. จึงขอให้รัฐบาลอย่างถ่วงรั้งการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชน ขอให้รวดเร็วเช่นที่ออกกฎหมายผลักดันเศรษฐกิจ
"ร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ กำหนดให้ยื่นโครงสร้างราคายา และข้อมูลสิทธิบัตรในการขอขึ้นทะเบียนตำรับยา ตรงนี้จะเป็นผลดีต่อการควบคุมราคายาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาของประชาชน ซึ่งการทำเช่นนี้ของนายยงยุทธ์ ถือเป็นการขวาง ร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่หรือไม่ ทั้งนี้ นายยงยุทธ์ ต้องชี้แจงประเด็นดังกล่าว เพราะ ร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ ก็กำหนดชัดเจน ไม่อนุญาตให้ตัวแทนบริษัทยาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยา เพราะจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ตัวนายยงยุทธนั้น มีน้องสะใภ้เคยทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของสมาคมบริษัทยาข้ามชาติในประเทศไทย ที่วิ่งล็อบบี้เรื่องนี้อย่างเข้มข้น ซึ่งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้ห้ามเฉพาะนักการเมือง แต่เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับบรรดาผู้มีอำนาจจากการแต่งตั้งรัฐประหาร ด้วยเช่นกัน" น.ส.กรรณิการ์ กล่าว
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวว่า ถือเป็นความขัดแย้งในตัวเองอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ครม. เป็นเดือดเป็นร้อน กับข้อวิจารณ์ของผู้ช่วยรัฐมนตรีสหรัฐฯ เรื่องการเมือง และการคงอยู่ของกฎอัยการศึก แต่เมื่อถึงคราวการแทรกแซงกฎหมายไทย และการกำหนดนโยบายสาธารณะของประเทศไทยที่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน รัฐบาลกลับเดินตามความต้องการของทุนสหรัฐฯ อย่างที่ไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้งด้วยข้อมูลตามหลักวิชาการ ดังนั้น ทางกลุ่มฯจึงขอเรียกร้องให้การพิจารณาของหน่วยงานก่อนการเข้า ครม.นั้น จะต้องมีส่วนร่วมของนักวิชาการ และภาคประชาสังคม และขอให้ คสช. และรัฐบาล รักษาหลักธรรมาภิบาลและความไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนตามที่อ้างเสมอ
ด้าน ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดงานแผนการพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) กล่าวว่า การปรับปรุง ร่าง พ.ร.บ.ยา เป็นเรื่องสำคัญในการคุ้มครองสุขภาพคนไทย ทางแผนการพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยาสนับสนุนร่างของ สธ. แม้ว่าจะเห็นว่า บางประเด็นจะสามารถแก้ไขให้เข้มข้นด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการจัดการกับการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรมได้อีกตามร่างกฎหมายฉบับประชาชน ซึ่งทาง กพย. พร้อมที่จะเสนอในการพิจารณาในขั้น สนช. จึงขอให้รัฐบาลอย่างถ่วงรั้งการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชน ขอให้รวดเร็วเช่นที่ออกกฎหมายผลักดันเศรษฐกิจ