นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เสนอให้มีการตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง ว่า ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก พล.อ.เปรม เห็นความจริงของประเทศมาตลอดว่า ปัญหาที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับประเทศที่ผ่านมาคือปัญหาการทุจริต ฉะนั้นการให้อำนาจตุลาการมาถ่วงดุลตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต จึงเป็นที่หวังของสังคม ประเทศไทยมีศาลชำนาญการพิเศษ หรือศาลเฉพาะเรื่องอยู่หลายศาล เช่น ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลล้มละลาย และอีกหลายศาล เพราะหลายเรื่องเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเรื่องการทุจริตก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน การตั้งศาลที่มารับผิดชอบคดีทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นศาลเฉพาะเป็นสิ่งที่ดีมาก ให้รวดเร็วสามารถยั้บยั้งการทุจริตได้ทัน
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องคิดและนำแนวทางที่ พล.อ.เปรม ได้ให้ไว้ มากำหนดให้เป็นรูปธรรมในร่างรัฐธรรมนูญ เสียงบประมาณสักหมื่นล้านเพื่อเอาจริงกับเรื่องทุจริต ดีกว่าเห็นประเทศเสียหายไปปีหนึ่งเป็น 600,000 ล้านบาท โครงสร้างกำหนดออกแบบให้คลอบคลุมคดีทุจริตทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ระดับเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มีศาลมีตุลาการที่เพียงพอ เพื่อความรวดเร็ว ภายใต้หลักนิติรัฐและนิติธรรม เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ต้องคิดว่าทำอย่างไร ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมาคือเสียหายไป 600,000 ล้านบาทแล้ว ยังไม่สามารถจับกุมใครได้เลย
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องคิดและนำแนวทางที่ พล.อ.เปรม ได้ให้ไว้ มากำหนดให้เป็นรูปธรรมในร่างรัฐธรรมนูญ เสียงบประมาณสักหมื่นล้านเพื่อเอาจริงกับเรื่องทุจริต ดีกว่าเห็นประเทศเสียหายไปปีหนึ่งเป็น 600,000 ล้านบาท โครงสร้างกำหนดออกแบบให้คลอบคลุมคดีทุจริตทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ระดับเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มีศาลมีตุลาการที่เพียงพอ เพื่อความรวดเร็ว ภายใต้หลักนิติรัฐและนิติธรรม เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ต้องคิดว่าทำอย่างไร ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมาคือเสียหายไป 600,000 ล้านบาทแล้ว ยังไม่สามารถจับกุมใครได้เลย
