xs
xsm
sm
md
lg

ชาวซ.ร่วมฤดี หวั่นเขตปทุมวันเปิดช่อง"ดิเอทัส"ยื้อรื้อตึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสามูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านซอยร่วมฤดี เปิดเผยว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษากรณีซอยร่วมฤดีมีความกว้างเขตทางไม่ถึง 10 เมตร ซึ่งตามกฎหมายจะไม่สามารถก่อสร้างอาคารที่มีความสูงเกินกว่าที่พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กำหนดไว้ได้ ส่งผลให้อาคารดิเอทัส 2 อาคารซึ่งเปิดเป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียมซึ่งมีความสูงเกิน 23 เมตร จะต้องปรับปรุงอาคารให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

ดังนั้นสำนักงานเขตปทุมวันจึงได้มีคำสั่งไปยังบริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมทร จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อาคารดิเอทัสทั้ง 2 อาคารโดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า 1.ให้เจ้าของอาคารระงับการก่อสร้างดัดแปลงอาคาร 2.ให้เจ้าของอาคารแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ถูกต้องตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522 ภายใน 30วัน และ 3.ห้ามไม่ให้บุคคลใดๆเข้าใช้อาคารดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

จากคำสั่งของสำนักงานเขตปทุมวันทางกลุ่มผู้ฟ้องร้องคดีเห็นว่า เขตฯปฏิบัติไม่ตรงตามคำพิพากษาโดยคำสั่งดังกล่าวของเขตฯในส่วนที่สั่งให้เจ้าของอาคารแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ถูกต้องตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522 ถือว่าเกินกว่าขั้นตอนของกฎหมายซึ่งอาจส่งให้เจ้าของอาคารดิเอทัสสามารถฟ้องร้องอุทธรณ์ในคำสั่งดังกล่าวให้เป็นโมฆะได้ ซึ่งจะทำให้เขตปทุมวันต้องออกคำสั่งต่อเจ้าของอาคารดิเอทัสใหม่ และการดำเนินการตามคำสั่งของศาลต้องล่าช้าออกไป

ส่วนกรณีการที่สำนักงานเขตปทุมวันจะเข้ารังวัดที่ดินในซอยร่วมฤดีใหม่โดยต้องการพิสูจน์ทราบถึงความชัดเจนของพื้นที่ และเพื่อใช้เป็นหลักฐานทางราชการนั้น ที่ผ่านมาสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครก็ได้ทำการรังวัดความกว้างของซอยร่วมฤดีมาแล้วถึง 2 ครั้ง และศาลปกครองก็ได้ทำการลงพื้นที่รังวัดที่ดิน ซึ่งผลการรังวัดสรุปว่า ซอยร่วมฤดีมีความกว้างไม่ถึง 10 เมตร ซึ่งผลการรังวัดดังกล่าวสามารถใช้เป็นหลักฐานทางราชการได้อย่างถูกต้อง

กลุ่มผู้ฟ้องร้องคดีจึงเห็นว่า การกระทำของสำนักงานเขต อาจเป็นการเปิดช่องให้ผู้ประกอบการอาคารดิเอทัสประวิงเวลาในการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด อีกทั้งหากเจ้าของอาคารดิเอทัสทำการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์กรมโยธาธิการและผังเมือง ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522 นั้น ก็จะยิ่งทำให้การบังคับคดีตามคำสั่งของศาลต้องยืดเยื้อมากขึ้นอีก

นอกจากนี้ทางกลุ่มผู้ฟ้องร้องคดีขอเรียกร้องไปยัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ให้ดำเนินการตรวจสอบข้าราชการกทม.ที่ออกหนังสือรับรองเขตทางซอยร่วมฤดีกว้าง 10 เมตรตลอดแนว ซึ่งถือว่าไม่เป็นความจริง ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งหากผู้ประกอบการอาคารดิเอทัสทำการฟ้องร้องกทม.ถึงการก่อสร้างดังกล่าวว่าได้ก่อสร้างอาคารไปโดยความสุจริตเพราะเขตปทุมวันระบุว่า ซอยดังกล่าวมีความกว้างเกินกว่า 10 เมตร สามารถก่อสร้างได้กทม.ก็อาจต้องชดใช้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ควรเร่งหาผู้ที่กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวโดยเร็วที่สุดโดยหากภายใน 15 วัน ผู้ว่าฯกทม.ยังไม่เริ่มดำเนินการหาผู้กระทำความผิดทำให้เกิดการก่อสร้างอาคารที่ไม่ถูกต้องนั้นทางกลุ่มผู้ฟ้องร้องคดีก็จะต้องดำเนินการทำหนังสือทวงถามอย่างเป็นทางการต่อไป

ด้านนายสิทธิชัย ท้วมสกนธ์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าการที่เขตฯออกคำสั่งเจ้าพนักงานแก่เจ้าของอาคารดิเอทัสทั้งสองอาคารซึ่งเป็นโรงแรม 24 ชั้น และคอนโดมิเนียม 18 ชั้น เมื่อวันที่ 29ม.ค.2557 โดยมี 3 คำสั่งคือ 1.ให้เจ้าของอาคารระงับการก่อสร้างดัดแปลงอาคาร2.ให้เจ้าของอาคารแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ถูกต้องตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522และ3.ห้ามมิให้บุคคลใดๆเข้าใช้อาคารดังกล่าวอย่างเด็ดขาดโดยให้ดำเนินการภาบใน 30 วัน นั้นเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้ทางเขตดำเนินการตามมาตรา40,41,42 และ 43แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522 ซึ่งหากเจ้าของอาคารยังไม่ทำตามคำสั่งเขตปทุมวันจะออกคำสั่งให้ทำการรื้อถอนอาคารตามกฎหมายต่อไป แต่ทั้งนี้เจ้าของอาคารมีสิทธิตามกฎหมายในการยื่นอุทธรณ์ให้แก่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 52 ของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร

ส่วนที่ประชาชนผู้ฟ้องคดีตั้งข้อสงสัยถึงการที่มีประกาศว่าสำนักงานเขตปทุมวันจะทำการรังวัดที่ดินในซอยร่วมฤดีใหม่อีกครั้งนั้น เป็นการดำเนินการของสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครที่จะทำการรังวัดที่ดินในซอยร่วมฤดีใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานเขตปทุมวัน โดยทางเขตฯ ไม่ได้ออกประกาศแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น